อาร์เอส กรุ๊ป โชว์งบ Q2 กำไรพุ่ง 93 ลบ. กวาดรายได้ครึ่งปีแรกไปแล้ว 1,800 ลบ.จับตาครึ่งปีหลังรายได้ทะลัก ด้วยกลยุทธ์ Unlock Value

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป เติบโตต่อเนื่อง เผยครึ่งปีแรกกวาดรายได้รวม 1,778 ล้านบาท พร้อมโชว์ผลงานไตรมาส 2/2566 ทำรายได้รวมอยู่ที่ 965  ล้านบาท กำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เป็นผลมาจากการฟื้นตัวและเติบโตสูงของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เผยผลงานครึ่งปีหลังน่าจับตา หลังปลดล็อกศักยภาพธุรกิจของ อาร์เอส กรุ๊ป สู่การเติบโตผ่านโครงสร้างใหม่ ภายใต้โมเดลธุรกิจ  Entertainmerce เพื่อให้การทำงานในแต่ละธุรกิจมีความคล่องตัวขึ้น รวมถึงเพิ่มความยืนหยุ่นในการเปิดรับพาร์ทเนอร์ พร้อมผลักดันรายได้จากความร่วมมือและการลงทุน โดยที่ผ่านมา ธุรกิจเพลง เสริมความแข็งแกร่งจากการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์บิ๊กเนมทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง แกรมมี่ และยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) ขณะที่ธุรกิจคอมเมิร์ซขยายพอร์ตสินค้าสุขภาพทั้งสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ อาทิ ฮาโตะ เพ็ท เวลเนส จึงส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังของ 2566 ทุกธุรกิจจะมีการเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งจากการรับรู้รายได้และกำไรพิเศษจากความร่วมมือในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รวมถึงจากการลงทุนในธุรกิจคอมเมิร์ซ    

คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับในไตรมาส 2 เห็นได้ชัดว่าธุรกิจสื่อและบันเทิงฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ทั้งการยกระดับคอนเทนต์รายการข่าว โดยการบริหารของคุณพุทธ อภิวรรณ รวมถึงการปรับโครงสร้างการบริหารการขายสื่อโฆษณาทุกประเภทภายใต้หน่วยงานขายกลาง และรายได้การจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์สู่ OTT Platform ที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากกิจกรรม คอนเสิร์ตและอีเวนท์เติบโตจากคอนเสิร์ตใหญ่และอีเวนท์ที่จัดได้เป็นปกติ ส่วนธุรกิจคอมเมิร์ซ ‘ยูไลฟ์’ ภายใต้ อาร์เอส คอนเน็ค ได้ปรับตัวเข้าสู่โมเดลธุรกิจ Subscription และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสามารถสร้างรายได้มากกว่า 80% ของรายได้รวม สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของธุรกิจ ในขณะที่ RS LiveWell มีการสร้างแบรนด์และสินค้าใหม่ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วน RS Mall มีการเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ จึงทำให้รายได้รวมของ อาร์เอส กรุ๊ป ในไตรมาส 2 เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ด้าน คุณวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เผยว่า “รายได้รวมจากการขายและบริการสำหรับไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากรายได้ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 630 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 50% ส่วนธุรกิจคอมเมิร์ซรายได้รวมอยู่ที่ 335 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากการปรับกลยุทธ์และโครงสร้างการทำงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นรวมเท่ากับ 537 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้ของธุรกิจขายตรง RS Connect ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2565 รวมกับรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และการควบคุมต้นทุนคอนเทนต์สื่อที่มีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรสุทธิรวม 93 ล้านบาท หรือเติบโต 885% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2566 ธุรกิจของ อาร์เอส กรุ๊ป จะเติบโตอย่างชัดเจน สร้างรายได้จากโอกาสและธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะสะท้อนภาพความแข็งแกร่งและศักยภาพทีมงานของ อาร์เอส กรุ๊ป ทั้งในฝั่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และคอมเมิร์ซ”

ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง อาร์เอส กรุ๊ป มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาทั้งฝั่งธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และคอมเมิร์ซ ดังนี้

ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์

§  RS Music จะมีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ อาทิ ‘COOLfahrenheit ร่วมกับ อำพลฟูดส์ Present “Kamikaze party reunion 2023” และมิวสิค เฟสติวัล ด้านธุุรกิจเพลง ก็เร่งสร้างการเติบโตจากการผลิตผลงานเพลงใหม่ เพื่อสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งทางออนไลน์, ออฟไลน์, brand engagement และสร้างการเติบโตผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยพาร์ทเนอร์ในประเทศร่วมกับ แกรมมี่ ผ่าน JV Across the universe เพื่อการจัดคอนเสิร์ตร่วมกันของทั้งสองค่ายเพลง โดยจะจัดอีก 2 คอนเสิร์ต คือ 2K Celebration และ HIT100 และพาร์ทเนอร์ต่างประเทศร่วมกับ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป ผ่าน New JV เพื่อการบริหารลิขสิทธิ์เพลงเก่าของ อาร์เอสที่มีมากกว่า 13,000 เพลง และใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีในการบริหารลิขสิทธิ์เพลงใหม่ของอาร์เอสบนช่องทางออนไลน์ และต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต

§  RS Multimedia เดิมดำเนินการโดยช่อง 8 เป็นหลัก ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในการดำเนินงานและการสร้างสรรค์คอนเทนต์ จึงมีการจัดโครงสร้างใหม่ เพื่อให้แต่ละธุรกิจสามารถสร้างผลงานและคอนเทนต์ได้อย่างอิสระบนโอกาสทางการตลาด และเปิดกว้างในความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่นอกเหนือไปจากการออกอากาศทางช่อง 8 เท่านั้น

ธุรกิจคอมเมิร์ซ

§  RS LiveWell มุ่งสร้างแบรนด์และสินค้าใหม่ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมขยายพอร์ตสินค้าสุขภาพทั้งสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง ‘ยูไลฟ์’ ภายใต้ อาร์เอส คอนเน็ค เน้นสร้างฐานลูกค้าและการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวผ่านโมเดล Subscription ด้าน RS Mall เร่งขยายช่องทางการขายออนไลน์ และขยายฐานลูกค้าที่หลากหลาย

§  RS pet all ยังคงจับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำ คาดว่าการเข้าลงทุนใน ฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ จะเสร็จสิ้นและเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 นอกจากนี้ RS pet all ยังเตรียมเปิด Pet all my love รีเทลช็อปครบวงจรที่มีทั้งสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง

“ในช่วงกลางปี อาร์เอส กรุ๊ป มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งประกอบด้วย RS Music และ RS Multimedia และกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบไปด้วย RS Livewell และ RS pet all ซึ่งทั้งหมดยังคงดำเนินงานภายใต้โมเดล Entertainmerce แต่การจัดโครงสร้างใหม่นี้จะทำให้แต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถบริหารงานได้อย่างเป็นอิสระจากกัน และง่ายต่อการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อน อีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการเปิดรับความร่วมมือจากพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแต่ละธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A และ JV โดยมุ่งเน้นการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการขยาย Ecosystem ของ  อาร์เอส กรุ๊ป ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 เรายังรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมถึง 1,778 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 185 ล้านบาท คาดว่าครึ่งปีหลัง อาร์เอส กรุ๊ป จะสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากความร่วมมือกับพันธมิตร และจากการเข้าลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น”