‘SO’ เตรียมงบ 1,000 ลบ.สร้าง New S-Curve เล็งซื้อกิจการด้านเทคโนโลยีมุ่งสู่ Tech Company

บมจ.สยามราชธานี (SO) ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจ Outsource และ Technology แบบครบวงจร เตรียมทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาท สร้าง New S-Curve ขยายฐานการให้บริการเข้าสู่ภาคอุต. พร้อมเล็งควบรวมกิจการในธุรกิจ Cyber Security, IT และ Re-Skill Platform ก้าวสู่บริษัท Tech Company เผยครึ่งปีหลังทุ่ม 200-300 ลบ. ยกระดับการบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า หนุนเป้าหมายทั้งปีเติบโตตามแผน หลังโชว์ผลงานไตรมาสแรกทำกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท เติบโต 15.84 % จากปีก่อนหน้า

ณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สยามราชธานี หรือ SO ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจ Outsource และ Technology แบบครบวงจร มากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนระยะยาวภายใต้กรอบงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ (New S-Curve) ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว ภายหลังจากได้ผนึกพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เข้ามาช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังแสวงหาโอกาสภายใต้กลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลกและส่งเสริมศักยภาพการดำเนินงานด้าน Outsource และ Technology เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และผลักดันบริษัทฯ ก้าวสู่การเป็น Tech Company  

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นไปยัง 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่

1.) ธุรกิจ Outsource เพื่อช่วยขยายขอบเขตการให้บริการของ SO โดยเฉพาะบุคลากรที่ต้องใช้ทักษะสูง เช่น โปรแกรม เมอร์ ช่างเทคนิค

2.) ธุรกิจ Technology ที่ช่วยสร้างสรรคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์การให้บริการธุรกิจ Outsource

3.) ธุรกิจ Professional Training ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มทักษะแรงงานตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้

“ที่ผ่านมา เราได้มีการหาโอกาสทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง มีการพูดคุยกับ Huawei ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านระบบ Cloud-Based Enterprise Software และมีการหาโอกาสด้าน Cyber Security และ Re-Skill Academy กับทางพาร์ทเนอร์ต่างๆ เช่น Bitkub เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ก้าวสู่การเป็น Tech Company โดยเร็วๆ นี้ SO เริ่มมีรายได้จากการให้บริการ Outsourcing งานพัฒนา Software และ Cyber Security ซึ่งคาดว่าจะขยายผลไปให้บริการเทคโนโลยีอื่นๆ อีกในอนาคต” ณัฐพลกล่าว

ณัฐพล กล่าวว่า แผนในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้เตรียมใช้งบ 200-300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจกลุ่ม Fleet Management ยกระดับการให้บริการเช่ารถยนต์พร้อมเทคโน โลยี รวมถึงบริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) ในการขนส่งและการโดยสารในนิคมอุตสาหกรรม ตอบสนองนโยบาย Carbon Neutrality ในภาคอุตสาหกรรม พร้อมระบบบริการแอปพลิเคชันสำหรับเช่ารถ (Vehicle Management Service) ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้รถยนต์รวมถึงการจัดการข้อมูลรถยนต์ และอัปเดตข้อมูลต่างๆ แบบเรียลไทม์จบภายในแอปเดียว

ทั้งนี้ SO ได้มีการทรานฟอร์ม (Transform) จากการเป็นบริษัทที่ส่งมอบพนักงานไปสู่บริษัทที่ส่งมอบกระบวนการและเทคโนโลยี โดยการจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริการ Outsource เพื่อ Digitize กระบวนการต่างๆ เกิดเป็นข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนากระบวนการให้รวดเร็วขึ้น มีต้นทุนต่ำลง และวัดผลได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำเอาเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์มาช่วยเติมเต็มความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจ รวมถึงทดแทนกระบวนการทำงานซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนให้บริการ Outsource ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักการดำเนินงานในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย หลังจากผลการดำเนินงาน Q1/2566 ทำรายได้รวม 592 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท รายได้และกำไรสุทธิเติบโต 6.71% และ 15.84% ตามลำดับเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับคู่สัญญาเพิ่มเติมอีกมูลค่า 500 ล้านบาท และมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตที่ 15% อย่างแน่นอน