คปภ. X กรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลดิจิทัล ตรวจสอบการทำประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับการชำระภาษีรถประจำปี พร้อมให้บริการปชช.ด้านประกันภัยครบวงจร

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ กรมการขนส่งทางบก ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวระบบการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับการชำระภาษีรถประจำปี พร้อมให้บริการประชาชนด้านประกันภัยครบวงจร  พร้อมดีเดย์ให้บริการออนไลน์เต็มรูปแบบ 1 พ.ค. 66
CMIS ของ คปภ. X e-Service กรมขนส่งทางบก

ทั้งนี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวถึงที่มาของความร่วมมือระหว่าง คปภ. และ กรมการขนส่งทางบก ว่า

“สืบเนื่องมาจากการทำบันทึกความร่วมมือ (MoU) ระหว่าง สำนักงาน คปภ. และ กรมการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2563 เพื่อเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับและอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. ให้กับประชาชนผู้ใช้บริการต่อภาษีรถมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด  หลังจากนั้นได้มีการเชื่อมระบบตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับสำหรับการชำระภาษีรถประจำปี ใน 2 ช่องทาง ได้แก่ ตู้รับชำระภาษีอัตโนมัติ “Kiosk” และแอปพลิเคชัน DLT “Vehicle Tax” รวมถึงแต่งตั้งคณะทำงานการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ ระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับสำนักงาน คปภ. เพื่อติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพิ่มเติม โดยมีสมาคมประกันวินาศภัยไทยเข้าร่วมบูรณาการด้วย เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับแบบครบวงจร โดยเป็นการพัฒนาระบบ Web Service ผ่านช่องทาง Leased Line ซึ่งเป็นรูปแบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระหว่างกรมการขนส่งทางบกและสำนักงาน คปภ. มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัยและค้นหาข้อมูลการทำประกันภัยได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และครบวงจร”

ดร.สุทธิพล กล่าวต่อไปว่า “ระบบรายงานข้อมูลประกันภัยรถภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance System : CMIS)” เป็นระบบที่มีการรายงานการรับประกันภัยรถภาคบังคับผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทันที หลังจากมีการรับประกันภัย (real time) โดยได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น ภายใต้ความมั่นคงปลอดภัยระดับสูง และมีการเชื่อมโยงผ่านระบบ CMIS ของสำนักงาน คปภ. กับระบบ e-Service ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัย 5 ระดับ”

ทั้งนี้ ระบบรักษาความปลอดภัย 5 ระดับ ประกอบด้วย

  • การยืนยันตัวตนด้วย (ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์: SSL Certification)
  • การยืนยันด้วย (ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์: IP Address)
  • การเข้ารหัสด้วย SSL มาตรฐานการเข้ารหัสการสื่อสารข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย
  • การเข้ารหัสด้วยใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์: Encryption Certification
  • ระบบคุยกันผ่านช่องทางส่วนตัวเพื่อติดต่อกันระหว่าง 2 หน่วยงาน (Private Link) เพื่อให้มั่นใจในระบบดูแลความปลอดภัยไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล
ดีเดย์ 1 พ.ค. 66

ด้าน จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “กรมการขนส่งทางบก มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะลดระยะเวลาการให้บริการประชาชนที่มาติดต่อดำเนินงานด้านทะเบียนและภาษีรถ รวมทั้งลดขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชนในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. ของประชาชนผู้ใช้บริการต่อภาษีรถประจำปี สอดรับกับนโนบายของกระทรวงคมนาคม และสอดคล้องกับการเป็นหน่วยงานรัฐดิจิทัลตามนโยบายรัฐบาล จึงได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดให้มีประกันภัยภาคบังคับ และตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องของประกันภัยภาคบังคับที่เจ้าของรถหรือประชาชนต้องใช้เป็นหลักฐานประกอบในการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบ เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระในการจัดเก็บเอกสารกรมธรรม์ในรูปแบบกระดาษ ทั้งนี้ จะใช้ระบบรายงานข้อมูลฯ เต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป โดยในระยะแรกจะดำเนินการคู่ขนานไปกับระบบปกติก่อน”

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลจากความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกและสำนักงาน คปภ. ได้พัฒนาระบบเสร็จสมบูรณ์ตลอดจนมีการเชื่อมโยงข้อมูลแล้วตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2565 ปัจจุบันได้ให้บริการตรวจสอบข้อมูลการรับประกันภัย พ.ร.บ. ไปแล้วกว่า 23 ล้านรายการ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2566) ดังนั้น จึงเป็นการยกระดับการให้บริการประชาชน โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการให้บริการของ 2 หน่วยงานอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้จัดทำประกันภัย พ.ร.บ. โดยที่ไม่ต้องแสดงหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. แบบกระดาษ เมื่อต่อภาษีรถประจำปีในทุกช่องทางของกรมการขนส่งทางบกอีกต่อไป

 สำนักงาน คปภ. เชื่อมั่นว่า การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อตรวจสอบการทำประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับการชำระภาษีรถประจำปีจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้สามารถเข้าถึงระบบประกันภัยได้อย่างสะดวกและทั่วถึง และจะช่วยลดระยะเวลา ขั้นตอน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ซื้อประกันภัย พ.ร.บ. ขณะเดียวกัน ก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. มากขึ้น เพราะหากไม่ทำก็จะไปต่อภาษีรถประจำปีไม่ได้ โดยสำนักงาน คปภ. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมขับเคลื่อนการทำงาน เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างเต็มที่”