KWM ตั้งบ.ย่อย ดันธุรกิจสกัดพืชสมุนไพรไทยครบวงจร จ่อส่ง สเปรย์ฟ้าทะลายโจร ปั้นรายได้เพิ่ม

บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) สบช่องผนึกกลุ่มพันธมิตรนักวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพร จัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด เดินหน้ากรุยทางธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย – ผลิต และจำหน่าย แบบครบวงจร พร้อมจ่อส่งผลิตภัณฑ์ “สเปรย์สมุนไพรจากฟ้าทะลายโจร”ประเดิมตลาดไตรมาส4นี้ มั่นใจปั้นรายได้เพิ่มจากธุรกิจดังกล่าวเข้ากระเป๋าปีนี้กว่า 20-30 ล้านบาท ประกาศเตรียมอัดงบ 20 ล้านบาท ปูพรมพื้นที่โรงงานตั้งเครื่องสกัด คาดแล้วเสร็จพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส1/2565 กวาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท 

เอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและมีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกล และผู้นำในการผลิตเครื่องสกัดจากสารสกัดพืชสมุนไพร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดย KWM  ถือหุ้น 51 % นอกจากนี้ยังมีพันธมิตร ภายใต้บริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจ อาทิ กลุ่มแพทย์แผนไทย กลุ่มเภสัชกร กลุ่มนักวิจัย ร่วมถือหุ้นรวม 40 % และพันธมิตร อื่นๆ 9 %

 สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพร รวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพร อาทิ ฟ้าทะลายโจร พืชกระท่อม มะขามป้อม มะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็นต้น เนื่องจากมองว่าตลาดพืชสมุนไพรไทย ยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นบริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สอดรับกับความเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตเครื่องสกัด ด้วยระบบ  SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION ที่มุ่งเน้นสารสกัดที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรไทยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ภายหลังจากที่จัดตั้งบริษัทย่อยแล้วเสร็จ บริษัทฯพร้อมเดินหน้าผลิตผลิตภัณฑ์ตัวแรกจำหน่ายสู่ตลาดภายในไตรมาส 4/2564 คือ “สเปรย์สมุนไพรจากฟ้าทะลายโจร” เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้    

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนสำหรับลงทุนกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเช่าพื้นที่โรงงานและติดตั้งเครื่องจักร ในการสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย โดยโรงงานดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จและผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯมีแผนในการผลิตผลิตภัณฑ์สินค้าจากพืชสมุนไพรเพื่อจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 2 ผลิตภัณฑ์ต่อปี ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากการสกัด ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรไทยกว่า 100 ล้านบาท จากปี 2564 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 20-30 ล้านบาท

ด้าน นายประกอบ วงศ์ผลวัต หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด กล่าวว่า บริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด เป็นองค์กรธุรกิจที่ก่อตั้งโดย กลุ่มแพทย์แผนไทย กลุ่มเภสัชกร นักวิจัย รวมทั้งทีมงานที่ปรึกษาเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสมุนไพรไทยกว่า 20 ปี ที่มุ่งเน้นให้บริการที่ปรึกษา เสนอแนะ แนวทางสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ ที่ต้องการประกอบกิจการ เกี่ยวกับพืชสมุนไพรไทย กัญชา กัญชง และ กระท่อม ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ โดยสาเหตุที่กลุ่มพันธมิตร เข้ามาร่วมลงทุนในสัดส่วน 40% ภายใต้บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด นั้น เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของ KWM ที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี วิธีการทางเทคนิค และ Know-How ในการผลิตเครื่องจักรทางด้านเกษตร สู่การผลิตเครื่องสกัดด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION เพื่อสกัดสารจากพืชกัญชาและสมุนไพรไทย ซึ่งสอดคล้องและตอบโจทย์กลุ่มองค์กรทางธุรกิจ

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อดำเนินธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย รวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพรไทย โดยเบื้องต้นจะเป็นร่วมกันวิจัยและพัฒนาสารสกัดที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรไทย อาทิ พืชกระท่อม ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เพื่อนำสารสกัดสำคัญจากพืชดังกล่าว มาวิจัยและพัฒนา (R&D) เป็นสูตรเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ อาทิ เครื่องสำอาง ยา อาหารเสริม และเครื่องดื่ม ดังนั้นโดยส่วนตัวมองว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้ เป็นการสร้าง Strategic Partner ร่วมกัน โดยนำจุดแข็งของแต่ละองค์กรมาต่อยอดทางธุรกิจ โดยนำพืชเศรษฐกิจไทยมาสร้างมูลค่าเพิ่มสร้างรายได้ให้ประเทศสู่การส่งออกไปยังตลาดสากล และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรไทยอีกด้วย  

 นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค (KWM) กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศปลดล็อกพืชกระท่อมออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯว่า บริษัทฯได้มีการศึกษาประโยชน์จากพืชกระท่อมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการนำพืชกระท่อมมาสกัดสารสำคัญมาแปรรูปแบบต่างๆ มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ ยา อาหารเสริมและเครื่องดื่ม    เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงยังเป็นการต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยเบื้องต้นบริษัทฯ เตรียมนำพืชกระท่อมมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริมแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา(R&D) ทั้งนี้คาดว่าจะผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2565

“ KWM ดำเนินธุรกิจในแวดวงการเกษตรอยู่แล้ว ดังนั้นการต่อยอดธุรกิจในครั้งนี้จะยิ่งเป็นการยกระดับสมุนไพรไทย รวมถึงยกระดับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย และยังเป็นการช่วยส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของบริษัทฯ และของประเทศไทย ขณะเดียวกันล่าสุดการบริษัทฯมีกลุ่มพันธมิตร ซึ่งเป็นกลุ่มแพทย์แผนไทย กลุ่มนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสมุนไพร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทย ร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรโดยตรง ยิ่งเป็นการันตีความน่าเชื่อถือ และตอกย้ำให้ KMW ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความเชี่ยวชาญการสกัดและผลิตพืชสมุนไพรไทย แบบ one stop service ระดับต้นๆ ของประเทศ ”