ซิตี้เน้นความเท่าเทียม ตอกย้ำผลสำรวจ ไทยมีผู้บริหารระดับสูงหญิงมากกว่าตปท.ถึง 2 เท่า

ซิตี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสนับสนุนความแตกต่างของบุคลากร พร้อมผลักดันความเท่าเทียมของผู้หญิงในการเติบโตในองค์กร ล่าสุดร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสัมมนาพิเศษในหัวข้อ ปัจจัยสู่ความสำเร็จของผู้นำหญิงในองค์กรธุรกิจ (Key success factors for women leadership in business sector) ที่จัดขึ้นโดยสถานทูตเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานมีผู้บริหารหญิงจากองค์กรชั้นนำของประเทศไทยหลากหลายท่านเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้ความรู้ ปัจจุบันซิตี้ ประเทศไทย มีสัดส่วนของบุคลากรในระดับผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้หญิงกว่าครึ่งหนึ่ง ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยผลสำรวจของรายงานผู้บริหารหญิงในธุรกิจ ที่จัดโดย แกรนท์ ธอนตัน อินเตอร์เนชันแนล (Women in Business Report by Grand Thornton) เผยให้เห็นว่าประเทศไทยมีผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้นำระดับสูงในภาคธุรกิจอยู่เป็นจำนวนร้อยละ 33 คิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมากกว่า 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนาพิเศษแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ในหัวข้อ “ปัจจัยสู่ความสำเร็จของผู้นำหญิงในองค์กรธุรกิจ” (Key success factors for women leadership in business sector) ที่จัดขึ้นโดยสถานฑูตเนเธอร์แลนด์ ร่วมกับผู้บริหารหญิงไทยมากความสามารถจากองค์กรชั้นนำของประเทศไทยหลากหลายท่าน โดยเล่าถึงประสบการณ์ทำงานกับธนาคารซิตี้แบงก์มายาวนานกว่า 25 ปี จากจุดเริ่มต้นเริ่มจากการฝึกงานกับธนาคาร ก่อนที่จะถูกชักชวนให้เข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวในฝั่งกลุ่มลูกค้าสถาบัน โดยมีประสบการณ์การทำงานและบริหารงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนในส่วนงานต่างๆ มากมาย ก่อนที่จะย้ายมาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบุคคลธนกิจ หรือ Consumer Business Manager ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารส่วนงานบุคคลธนกิจทั้งหมด รวมถึงธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝากและการลงทุนของซิตี้ ประเทศไทย

วีระอนงค์ กล่าวต่อว่าในขณะที่ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จของผู้หญิงในการทำงาน ตนเองเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่นลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น รวมถึงการพยายามผลักดันให้ตนเองพยายามทำในสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายความสามารถยิ่งขึ้น และการมีใจรักในสิ่งที่ทำเพื่อที่จะได้ทุ่มเทและทำสิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางบวกให้เกิดขึ้นกับองค์กร

อีกทั้งตนเองจะมีการบริหารจัดการเวลาด้วยการแบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกควรใช้ไปกับการพัฒนาพนักงาน ส่วนที่สองการเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงาน และส่วนสุดท้ายการเรียนรู้จากหัวหน้า ผู้บริหารระดับสูงหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จอื่น ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการพัฒนาตนเอง ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนตระหนักดีว่าความสามารถในการรับมือและจัดการกับความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำงาน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการให้ความสำคัญกับทีมงานและพนักงานที่ทำงานในองค์กร ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรรวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้  คุณวีระอนงค์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปทั่วโลก รวมถึงซิตี้ ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีความทัดเทียมกับผู้ชายในการเจริญเติบโตในองค์กร รวมถึงสนับสนุนความแตกต่างของพนักงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ หรือเอกลักษณ์เฉพาะตน เพราะซิตี้เชื่อว่าการสร้างความแตกต่างนั้นจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยซิตี้ได้ออกนโยบายต่างๆ เพื่อสนับสนุนแนวทางดังกล่าว ซึ่งซิตี้ถือเป็นธนาคารแห่งแรกในการทบทวนและพิจารณาปรับฐานเงินเดือนของพนักงานผู้หญิงหรือคนกลุ่มย่อย (Minority) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสำหรับกลุ่มพนักงานระดับเดียวกันมาตั้งแต่ปี 2562 ในทุกประเทศทั่วโลก การเพิ่มจำนวนวันลาคลอดให้กับมารดารวมถึงบิดาเพื่อเลี้ยงดูบุตร รวมไปถึงการกำหนดเป้าหมายเพื่อให้มีสัดส่วนของการจ้างพนักงานใหม่หรือการดำรงตำแหน่งผู้บริหารหญิงที่เพิ่มขึ้นในแต่ละประเทศ ประกอบกับการจัดการฝึกอบรม รวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานทุกคนเคารพความเป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคล อันนำมาซึ่งการยอมรับในความแตกต่างในองค์กร

ปัจจุบันซิตี้ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการผลักดันนโยบายดังกล่าว โดยมีสัดส่วนของบุคลากรในระดับบริหารที่เป็นผู้หญิงครึ่งหนึ่ง ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งจากการสำรวจโดยบริษัท แกรนท์ ธอนตัน อินเตอร์เนชันแนล พบว่าประเทศไทย มีผู้หญิงซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำระดับสูงในภาคธุรกิจอยู่เป็นจำนวนร้อยละ 33 จากผู้บริหารระดับสูงที่ดำรงตำแหน่ง CEO หรือ Managing Director ทั้งหมด ถือเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมากกว่า 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย

สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามชมสัมมนาพิเศษ ปัจจัยสู่ความสำเร็จของผู้นำหญิงในองค์กรธุรกิจ (Key success factors for women leadership in business sector) ที่จัดขึ้นโดยสถานฑูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทยย้อนหลังได้ผ่านทาง https://facebook.com/netherlandsembassybangkok