เบสท์ เอ็กซ์เพรส ทุ่มกว่า 300 ล้าน ตั้งเป้าขยายสาขา 2,000 จุดในปี 2565

เบสท์ เอ็กซ์เพรส ประกาศทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังเดินหน้าทุ่มงบลงทุน 300 ล้านบาท หนึ่งในงบสนับสนุนการลงทุนจากบริษัทแม่ BEST Inc. ผู้นำการให้บริการด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร ยักษ์ใหญ่ จากประเทศจีน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของ BEST Express ประเทศไทย ในครึ่งปีหลังและเตรียมพร้อมลงแข่งสู่ความเป็นผู้นำด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ในไทยเชื่อมั่นหลังปลดล็อคจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสเชื้อโควิด-19 ธุรกิจปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงในยุค New Normal และอานิสงส์การเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซดันโลจิสติกส์พุ่ง พร้อมปูพรมลุยขยายเฟรนไชส์ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเขต จังหวัด และทั่วประเทศ

เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  สำหรับภาพรวมของตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2560-2562) โดยขยายตัวเฉลี่ย 40% ต่อปี (40% CAGR)  สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยที่เติบโตเฉลี่ยโดยประมาณ 18% ต่อปี (18% CAGR) (อ้างอิงตามผลประเมินจาก Euromonitor และ dbd.co.th ครั้งล่าสุด)  ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด19  ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนในยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีชีวิตแบบปกติใหม่ (New Normal)  โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจาก “ออฟไลน์” สู่ “ออนไลน์” มากขึ้น  

“สำหรับกลุ่มผู้ให้บริการทางด้านการขนส่งพัสดุหลายรายเริ่มเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนการค้าขายออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งยังส่งให้มูลค่าตลาดธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมีการเติบโตยิ่งขึ้นไปสำหรับ“เบสท์ เอ็กซ์เพรส (BEST Express)” หนึ่งในแบรนด์ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ไปไหน ไปกัน (Everywhere, with you) ภายใต้การดำเนินการของ BEST Inc. ประเทศไทย และควบคุมโดย BEST Inc. (เบสท์ อิงซ) บริษัทแม่ ผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครวงจรยักษ์ใหญ่จากจีน มีความพร้อมที่จะร่วมผลักดัน และสนับสนุนกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ด้วยบริการ BEST Express Free Door to Door Service – บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านฟรีตั้งแต่ชิ้นแรก ไม่จำกัดจำนวนชิ้น เพื่ออำนวยความสะดวกสบายกับผู้ค้าออนไลน์ในประเทศไทย”

เจสัน เชียน กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมของ BEST Express ในครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ถือความท้าทายของภาคธุรกิจทุกกลุ่มที่ต้องปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้  ถึงแม้ว่าธุรกิจขนส่งจะได้รับอานิงส์จากการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ  แต่หัวใจสำคัญคือ การให้บริการที่เน้นเรื่องความปลอดภัยสำหรับลูกค้าทุกคน  ซึ่งพนักงานและเจ้าหน้าที่จัดส่งพัสดุจะสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ทางบริษัทฯ จัดเตรียมให้บุคลากรทุกคน เพื่อใช้ป้องกัน  ส่วนจุดให้บริการได้จัดเตรียมเจลล้างมือและตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่ทุกครั้ง  ทางด้านศูนย์กระจายสินค้าทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนพัสดุที่ถูกส่งมาจากพื้นที่ต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทุกชิ้น รวมถึงเครื่องสายพานที่ใช้สำหรับลำเลียงพัสดุ  ด้วยศักยภาพความพร้อมและความเป็นมืออาชีพด้านการให้บริการเรามุ่งมั่นและทำงานอย่างเต็มที่ในการให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย   

ทั้งนี้ BEST Express มุ่งพัฒนาการให้บริการพร้อมประกาศงบลงทุนราว 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายของธุรกิจ BEST Express ในครึ่งปีหลังและการเตรียมความพร้อมลงแข่งก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ในประเทศไทย  โดยเชื่อมั่นหลังปลดล็อคจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสเชื้อโควิด-19  ธุรกิจปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงในยุค New Normal

โทนี่ เจิ้ง ผู้จัดการทั่วไป เบสท์ เอ็กซ์เพรส บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า “ด้านการให้บริการ BEST Express ชูจุดเด่นความเป็น One Stop Integrated Supply Chain Services หรือ ผู้ให้บริการการบูรณาการด้านซัพพลายเชนแบบครบวงจร ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตร และการจัดการกระบวนการทั้งภายในและระหว่างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ  เพื่อมุ่งสร้างคุณค่าไปยังลูกค้าให้มากที่สุด ด้วยต้นทุนต่ำที่สุดและรวดเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีบริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านฟรี ตั้งแต่ชิ้นแรก ไม่จำกัดจำนวนชิ้นเจ้าแรกของประเทศไทย พร้อมด้วยบริการ COD (Cash on Deliver) เก็บเงินปลายทาง โอนไว ภายใน 1 วัน (เฉพาะธนาคารกสิกรไทย และ 2-3 วัน ธนาคารอื่น ๆ) โดยใช้เทคโนโลยีเสริมความสะดวกสบายให้กับลูกค้าครั้งนี้ด้วย ระบบ Automatic Tracking System (ระบบแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ) ผ่าน BEST Application และ Line Official Account: @BESTEXPRESSTH”

ณัฏฐรัก ดิลกพิทยะรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวเสริมว่า  สำหรับการทำการตลาดของ BEST Express ในแต่ละปีใช้งบการตลาดคิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์  สืบเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด19 ที่ผ่านมา ทำให้ BEST Express มองเห็นช่องทางการทำการตลาดมากขึ้น นอกจากการทำการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแล้ว BEST Express ยังมุ่งเน้นการทำการตลาดในเชิง CSR มากขึ้น โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือเพื่อสังคมเป็นสำคัญ  สำหรับกิจกรรมการตลาดครึ่งปีหลัง BEST Express มุ่งเน้นกิจกรรมการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติใหม่ หรือ New Normal ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โควิด-19

ณัฏฐรัก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ BEST Express ได้แต่งตั้ง  ณเดชน์ คูกิมิยะ ดาราชายเบอร์หนึ่งของไทย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์  โดยนำ “น้องกวางเบสท์”  หรือ Dear (De ตี้ –Ar เอ๋อ) เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของแบรนด์คู่กับพรีเซ็นเตอร์คนปัจจุบัน  โดยปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการจัดงานอีเว้นท์เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในแบบ BEST ROAD NEW LIFE งานอีเว้นท์วิถีใหม่ในแบบ BEST Express ที่พร้อมยกความยิ่งใหญ่นำสายพานลำเลียงพัสดุติดตั้ง ณ ใจกลางกรุง ลานเซ็นทรัลเวิลด์ โซน B และ C พร้อมด้วยกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

ปัจจุบัน BEST Express มีแฟรนไชส์อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 500 สาขา ทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์หลัก (First Station) แฟรนไชส์รอง (Second Station) ช้อป (Shop) และจุดรับพัสดุ (Drop Point) โดยคาดการณ์ว่าในปี 2563 BEST Express ตั้งเป้าจะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภทอีกกว่า 800 สาขา และยิ่งกว่านั้นในปี 2565 จะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภท ให้ครอบคลุมทั่วไทยมากถึง 2,000 สาขา เพื่อการให้บริการอย่างทั่วถึงสู่การบริการเป็นเลิศ

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2563 แบ่งเป็น

  • แผนระยะสั้น โดย BEST Express ขยายฐานการตลาดลงพื้นที่ท้องถิ่น (Local Market) เพื่อให้แฟรนไชส์ในแต่ละจังหวัดได้เข้าถึงการทำการตลาดท้องถิ่นของตนเองมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นทั่วไป พร้อมปรับรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็นไทยเพื่อเข้าถึงใจพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด รวมทั้งขยายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเป็นศูนย์กลางของธุรกิจห่วงโซ่อุปทาน หรือ HUB Supply Chain เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
  • แผนระยะยาว เตรียมผนึกรวมเครือข่ายของ BEST Express ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านแถบภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้ BEST Global พร้อมเน้นขยายแฟรนไชส์ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากแฟรนไชส์ คือ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะมีการเติบโตขยายสาขาเพิ่มขึ้นและสามารถยืนด้วยความสำเร็จตัวเองได้ พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน

ทั้งนี้ BEST Express มุ่งมั่นสนับสนุนคู่ค้าพันธมิตรธุรกิจอีคอมเมิร์ซและแฟรนไชน์ท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจแต่ละรายมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด