มั่นคงเคหะการ (MK) เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2563 มีรายได้รวม 846.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกคิดเป็น 32% ระบุธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายมีรายได้อยู่ที่ 711.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากไตรมาสแรก ด้านธุรกิจให้เช่าและบริการยังแข็งแกร่ง มีอัตราเติบโตต่อเนื่องทำรายได้อยู่ที่ 112.32 ล้านบาท เล็งต่อยอดสร้างรายได้ฝั่ง Recurring Income ประกาศความสำเร็จส่งกองทรัสต์ฯ มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาทเข้าตลาด พร้อมเดินหน้าตามแผนที่วางไว้เพื่อเสริมศักยภาพบริษัท
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (Mr. Vorasit Pokachaiyapat Chief Executive Officer of M.K. Real Estate Development Public Company Limited) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563) ว่า บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้รวมจากการขายและบริการได้ 846.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563 โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอยู่ที่ 711.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2 % จากไตรมาสแรกที่มีอยู่ 496.92 ล้านบาท ส่วนธุรกิจให้เช่าและบริการ(Recurring Income) มีรายได้ 112.32 ล้านบาท ล่าสุดยังสามารถจัดตั้ง กองทรัสต์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT) มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจากสัญญาณบวกของธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
“แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา ยังอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาครัฐมีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศ แต่รายได้ของบริษัทฯ ก็ยังคงเติบโตได้อย่างน่าพึงพอใจ โดยจะเห็นได้ว่ารายได้รวมไตรมาส 2 ของปีนี้นั้นเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 32% ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากบริษัทได้ปรับเปลี่ยนแผนงานเพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ทั้งในด้านการปรับกลยุทธ์การขายและการสื่อสารการตลาด โดยการนำเสนอสินค้าแบบออนไลน์ เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดเตรียมข้อมูลทางการเงินอย่างรัดกุม การพัฒนาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีมาอย่างต่อเนื่องในยุค New Normal ส่งผลให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ปีนี้มีแนวโน้มที่ดีกว่าเดิม”
วรสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า “ในขณะเดียวกันธุรกิจให้เช่าและบริการของกลุ่มบริษัทก็ยังคงมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างน้อยมาก โดยในไตรมาสนี้มีรายได้จากการให้เช่าและบริการพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานของ โครงการ บางกอก ฟรีเทรด โซน ภายใต้ การดำเนินงาน “บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” จำนวน 99.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงไตรมาสแรกของปีเดียวกัน คาดการณ์พัฒนาโครงการแล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า และที่สำคัญยังสามารถจัดตั้ง กองทรัสต์ PROSPECT มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ได้เป็นผลสำเร็จ”
จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานในแต่ละธุรกิจหลักนั้นมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งนี้สืบเนื่องจากแผนธุรกิจ 5 ปีที่มุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนกำไรในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบของสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีการจัดการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และสำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนกระจายรายได้ของบริษัทให้มีสัดส่วนระหว่างธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อการขาย กับเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income)ให้มีสัดส่วนกำไรที่ 50:50 ภายในปี 2564 ซึ่งจากผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน”