แคนนอน สร้างปรากฏการณ์ไมล์สโตนใหม่ หลังบุกตลาดกล้องมิเรอร์เลส แบบฟูลเฟรม ปั้นผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ “Canon EOS RP” (แคนนอน อีโอเอส อาร์พี) สร้างยอดขายโตแรงแซงคู่แข่ง ผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย หนุนความแข็งแกร่งกล้องตระกูล EOS ทุบสถิติยอดผลิต 100 ล้านเครื่องทั่วโลก
วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า “ปี 2562 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จของแบรนด์กล้องแคนนอนในประเทศไทย โดยสามารถทำยอดขายก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำ” และมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 36.3% เติบโตสูงถึง 179% จากปี 2561 ในกลุ่มกล้องดิจิตอลถอดเปลี่ยนเลนส์ได้แบบฟูลเฟรม (ที่มา: รายงาน GfK:Growth from Knowledge) พร้อมกันนี้ บริษัทยังฉลองความสำเร็จด้านการผลิตกล้องในตระกูล EOS ครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลก
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดที่ส่งผลให้แคนนอนยืนหยัดความเป็นผู้นำตลาดกล้องถ่ายภาพในไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์กล้องที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำหน้าออกสู่ตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ มองหาสินค้าที่มีคุณภาพการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ แต่พกพาง่าย ทำให้เมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา แคนนอนส่งสินค้าเรือธง “EOS RP” บุกตลาด เพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาดและเดินหน้ากิจกรรมทางการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ กล้องแคนนอน EOS RP เป็นการผสานจุดแข็งของกล้อง DSLR ที่มีอยู่ของแคนนอน และเทคโนโลยีอันล้ำหน้ามากมาย เพื่อออกมาเป็นกล้องถ่ายภาพที่ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง และมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย และเอาใจสาวกแคนนอนอย่างยิ่ง เพราะสามารถใช้งานเลนส์ EF ที่ใช้งานร่วมกับกล้อง DSLR อยู่เดิมได้เต็มรูปแบบ และยังดึงเอาประสิทธิภาพบางอย่างของเลนส์ให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย มีระบบเซ็นเซอร์ Dual Pixel CMOS AF เพื่อความรวดเร็วแม่นยำ ไม่สะดุดในการโฟกัส ตัวกล้องพร้อมใช้งานเพียงเสี้ยววินาทีหลังเปิดกล้อง พร้อมฟังก์ชั่นปรับแสงอัตโนมัติช่วยปรับสมดุลจุดที่สว่างที่สุดและมืดที่สุด เพื่อให้ได้ภาพถ่ายสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”
วรินทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยังคงชื่นชอบการถ่ายภาพ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเปลี่ยนไป คือ มองหากล้องคุณภาพสูง ให้ภาพถ่ายคมชัดสวยงามระดับมืออาชีพ แต่ขนาดต้องกะทัดรัด ใช้งานคล่องตัวและมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบสนองความสะดวกในการถ่ายภาพมากขึ้น แคนนอนจึงมุ่งมั่นพัฒนากล้องที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้ ซึ่งหลังจากแคนนอน เปิดตัวกล้อง EOS RP ส่งผลให้ได้รับความนิยมในท้องตลาดอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ ซึ่งความตั้งใจจากแคนนอน อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น ที่นำอักษร P จากกล้อง Canon P (Populaire) กล้องเรนจ์ไฟน์เดอร์ ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2502 ซึ่งเป็นกล้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนั้น ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสินค้าโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีมาใช้ในกล้องตระกูล EOS R พร้อมระบบ EOS R system ที่ล้ำหน้า ทำให้ผู้ใช้สามารถการถ่ายภาพได้รวดเร็ว โฟกัสแม่นยำ ให้โทนสีที่สวยงามเป็นธรรมชาติสมจริง ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ และคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพตามแบบฉบับของแคนนอน ผนวกกับการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้แคนนอน EOS RP เติบโตอย่างน่าพอใจ”
นอกจากนี้ ปี 2562 ยังเป็นปีที่แคนนอนผลิตกล้องในตระกูล EOS ครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลก หลังจากจุดเริ่มต้นผลิตครั้งแรกในปี 2530 โดยตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา แคนนอนได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อประสิทธิภาพในการถ่ายภาพสูงสุดคำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
แคนนอนไม่หยุดยั้งในการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการถ่ายภาพ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลายครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนต์ ทั้งมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพ ขณะที่การพัฒนากล้องตระกูล EOS R และ EOS RP สามารถครองใจผู้บริโภค และปีนี้สิ่งที่การันตีความสำเร็จให้แคนนอน ซึ่งเป็นไมล์สโตนใหม่ คือการสร้างยอดผลิตสูงสุด 100 ล้านเครื่องทั่วโลก
วรินทร์ ยังเผยถึงแผนงานปี 2563 เอีกว่า “ถึงแม้แนวโน้มตลาดกล้องจะมีแนวโน้มหดตัวลง ความนิยมในกล้องรุ่นที่อยู่ในระดับล่างจะลดน้อยลง ซึ่งถูกแทนที่โดยสมาร์ทโฟน แต่เราคาดว่ากลุ่มผู้ใช้งานที่รักการถ่ายภาพยังคงเหนียวแน่นอยู่ และจะมีการขยับการใช้งานกล้องไปยังรุ่นที่สูงขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในตลาดของกล้องดิจิทัลคอมแพ็ค และกล้องดิจิตอลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพื่อยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายของตัวเองให้เหนือขึ้นไปอีก
สำหรับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านั้น คือ การรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่ ให้ยังคงหลงใหลการถ่ายภาพ และแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่แคนนอนไม่หยุดยั้งที่จะคิดค้นและพัฒนาจากความต้องการของผู้ใช้งานจริง จะสามารถทำให้แคนนอนเติบโตไปในกลุ่มสินค้ากล้องนี้ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งยังคงมุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาด ที่เน้นให้เกิดสังคมความเป็นเพื่อน เกิดความสนุกสนานในกิจกรรมการถ่ายภาพ และการได้เป็นส่วนหนึ่งของงานระดับมืออาชีพ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว โดยเราจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเราจะมีบริการใหม่ ๆ จากแคนนอน เพื่อช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย” วรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับภาพรวมตลาดกล้องดิจิตอลถอดเปลี่ยนเลนส์ได้แบบฟูลเฟรมจนถึงเดือนตุลาคม 2562 ในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 1,860 ล้านบาท และมูลค่าเชิงปริมาณ 26,000 ตัว ซึ่งมีอัตราการเติบโตลดลง 11% เมื่อเทียบกับปี 2561 อย่างไรก็ตาม แคนนอนยังคงมีอัตราการเติบโตที่สวนกระแส โดยสามารถผลักดันยอดขาย ชิงส่วนแบ่งการตลาดให้ขึ้นแท่นครองอันดับ 1 ของสินค้ากลุ่มนี้ โดยในปี 2563 จะยังคงตั้งเป้าหมายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในสินค้ากลุ่มนี้ให้เพิ่มขึ้นเป็น 40%