เนสกาแฟตอกย้ำเจตนารมณ์ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้วงการกาแฟไทย เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจเนสกาแฟผ่านการนำเสนอภาพลักษณ์แบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด และส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ในขณะที่ตลาดกาแฟในประเทศไทยเติบโตขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ พร้อมความต้องการบริโภคกาแฟที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศกลับลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ทำให้ความต้องการในการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มสูงขึ้น ในฐานะผู้นำตลาด เนสกาแฟจะเดินหน้าสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อตอบโจทย์คอกาแฟไทยให้ดียิ่งขึ้นและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงในระยะยาว
ตลาดกาแฟสำเร็จรูปในประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2567 มีมูลค่าตลาดโดยรวม 5,700 ล้านบาท และเติบโต 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน เนื่องมาจากความต้องการที่สูงของผู้บริโภคชาวไทย (ที่มา: นีลเส็นไอคิว) ในขณะที่ตลาดกาแฟพร้อมดื่มหรือ RTD ยังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศ เนื่องจากความต้องการด้านความสะดวกสบายและอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงหน้าร้อน มูลค่าตลาดกาแฟพร้อมดื่มในไตรมาสแรกของปีนี้จึงอยู่ที่ 3,800 ล้านบาท และมีการเติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ที่มา: คันทาร์ เวิลด์พาแนล)
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศไทยกลับเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผลผลิตเมล็ดกาแฟในระดับโลกก็มีปริมาณลดลงเช่นเดียวกัน โดยมีการคาดการณ์ว่า ผลผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลกอาจลดลงถึง 50% ภายในปี พ.ศ. 2593 ทำให้การขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทวีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย
นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำตลาดกาแฟ เนสกาแฟจะสานต่อบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการกาแฟไทย เรามุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเนสกาแฟ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยให้ดียิ่งขึ้น และผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีผลผลิตเมล็ดกาแฟในระยะยาวที่เพียงพอ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภค เกษตรกรที่เราทำงานเคียงข้าง รวมถึงพันธมิตร คู่ค้า และประเทศไทยโดยรวม”
เสริมแกร่งธุรกิจเนสกาแฟ ด้วย “กลยุทธ์ NES”
ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว กลยุทธ์ของเนสกาแฟในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ 3 ด้านหลัก ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นกลยุทธ์ “NES” ได้แก่ N: NESCAFÉ Brand การพัฒนาเนสกาแฟให้เป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า E: Experience มอบประสบการณ์การดื่มด่ำกาแฟสุดพิเศษ ผ่านนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่ และ S: Sustainability การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์
เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคและบทบาทของกาแฟก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จึงนำไปสู่กลยุทธ์แรก คือ การพัฒนาจุดยืนของแบรนด์เนสกาแฟให้เป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญระดับโลก “Make Your World” เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้เข้าถึงคนไทยแล้ว 59 ล้านคน เนสกาแฟพลิกโฉมแบรนด์จากการเป็นเครื่องดื่มประจำวันที่ทำให้ผู้คนตื่น มาเป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า เนสกาแฟจะเดินหน้าสร้างความตื่นเต้นและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญ “Make Your World” ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไป
สำหรับกลยุทธ์ที่สอง เนสกาแฟมุ่งมั่นมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟชั้นเลิศด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุด เนสกาแฟได้เปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มระดับพรีเมียม เนสกาแฟ โกลด์ อเมริกาโน่ และลาเต้ รวมทั้ง เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ฮันนีเลมอน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนสกาแฟวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดื่มกาแฟเย็นที่มีรสชาติดีเยี่ยมเพื่อการบริโภคทั้งในบ้านและนอกบ้าน และด้วยการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เนสกาแฟจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟของไทยให้เติบโตต่อไป
กลยุทธ์ที่สามเกี่ยวกับการนำความยั่งยืนมาเป็นหัวใจหลักของแบรนด์เนสกาแฟ เนสกาแฟจะมุ่งพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ภายใต้โครงการ “เนสกาแฟ แพลน 2030” ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนระดับโลกของเนสกาแฟ การเกษตรเชิงฟื้นฟูจะช่วยให้เกษตรกรพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดกาแฟ รวมทั้งปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟู เนสท์เล่ยังให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรในการให้ความรู้และการสนับสนุนด้านเทคนิคในการทำสวนกาแฟอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการผนึกความร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ประจำประเทศไทย หรือ GIZ ในการจัดทำหลักสูตร Farmer Business School ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้มีแนวคิดของผู้ประกอบการเกษตรกรรม นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังให้การสนับสนุนโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทย เพื่อส่งเสริมการใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูในสวนกาแฟให้มากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาต้นกล้ากาแฟที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในประเทศไทย และได้กระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีเหล่านี้ให้กับเกษตรกรมาแล้วเกือบ 4 ล้านต้น
นายโจโจ้ กล่าวต่อไปว่า “ผมมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ความทุ่มเทของเราในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทำให้เนสกาแฟเป็นแบรนด์ที่มีการปลูกและจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืน (Responsible Sourcing) 100% ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในระดับโลก เพื่อการันตีว่าเมล็ดกาแฟของเราปลูกขึ้นตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับโลก ทำให้เราสามารถนำเสนอกาแฟคุณภาพสู่ผู้บริโภคชาวไทย”
นอกจากนี้ เนสกาแฟยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าโดยตรงจากเกษตรกรไทยในราคาที่เป็นธรรม โดยอิงจากราคากาแฟในตลาดโลก เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและสร้างความเชื่อมั่นว่าผลผลิตของพวกเขาจะมีตลาดรับซื้อที่ไว้วางใจได้