การแถลงข่าวล่าสุดถึงโครงการ CSR ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) ถึงการทุ่มงบกว่า 19 ล้านบาท ปูพรมติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาด 5 กิโลวัตต์ให้กับโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์ 77 แห่งทั่วประเทศ หวังช่วยลด “ภาวะโลกเดือด” และช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 1,600 บาทต่อเดือนนั้น คำถามเบื้องต้นที่ผุดขึ้นมา คือ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีโรงเรียนภายใต้การอุปถัมภ์ของตนเองด้วยหรือ
ภารกิจลดภาวะโลกเดือด
พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ออกมาเปิดเผยถึงบทบาทของการเป็น “องค์กรพลเมือง” หรือ Organization Citizen ที่มีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนว่า
“สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมุ่งมั่น ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงาน โดยคำนึงถึงผลประโชน์ของส่วนร่วมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ตลอดจนสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสำเร็จ ในระยะยาวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาด 5 กิโลวัตต์ให้กับโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์ 77 แห่งทั่วประเทศครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการ CSR เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนการสอนและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนการสอนของเด็กนักเรียน โดยจัดทำเป็นแผนระยะยาวต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับใช้พลังงานอย่างมีคุณค่าให้กับเยาวชนผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม จากการจัดหาและติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ขนาด 5 กิโลวัตต์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ด้วยงบลงทุนทั้งโครงการกว่า 19 ล้านบาท หรือเฉลี่ยลงทุนต่อโรงเรียนประมาณ 2.46 แสนบาท ซึ่งจะส่งผลให้แต่ละโรงเรียนสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าต่อเดือนประมาณ 1,600 บาท โดยจะเริ่มดำเนินการติดตั้งกระจายไปยังโรงเรียนในโครงการฯทั่วทุกภาคตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2567 และแนวทางดำเนินงานต่อไปก็มีแผนที่จะจัดสร้างห้องน้ำ สร้างสนามกีฬา สนับสนุนอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนการสอน ฯลฯ”
ขับเคลื่อน คนรุ่นใหม่ห่างไกลการพนัน
นอกจากโครงการโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์แล้ว พันโท หนุน ยังเปิดเผยเพิ่มเติมถึงแผนงานด้าน CSR ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ปี 2567 ว่า “สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการกับเยาวชนและคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการให้ความรู้เรื่องการพนันกับเยาวชน ภายใต้ “โครงการความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะผู้ให้บริการเกมเสี่ยงโชค” (RG)ตามหลักเกณฑ์ขององค์กรสลากโลก (World Lottery Association) ประกอบด้วย โครงการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพนันและการให้คำปรึกษาผู้ติดพนันสลากกินแบ่งรัฐบาล และโครงการฟุตบอลเยาวชน GLO Cup (U13)”
ทั้งนี้ โครงการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพนันและการให้คำปรึกษาผู้ติดพนัน สลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ทำการวิจัยพฤติกรรมผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล และวิเคราะห์ปัญหาการเสพติดสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อเฝ้าระวังและกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต (หากพบผู้มีความเสี่ยง) โดยได้จัดให้มีคู่สายให้คำปรึกษาผู้มีความเสี่ยงเสพติดการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านศูนย์ Call Center โทร.02 528 9999 กด 9 ซึ่งหากประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นแล้วพบว่า อาจเสพติดการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจนส่งผลกระทบก็จะส่งต่อให้ได้รับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์โครงการฯ และให้ความรู้แก่ประชาชนตระหนักถึงโทษของการพนันติดตามความคืบหน้าโครงการได้ที่ facebook fanpage : super คนรุ่นใหม่ห่างไกลการพนัน
สำหรับโครงการฟุตบอลเยาวชน GLO Cup (U13) เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกัน ด้านปัญหาสังคม ห่างไกลการพนันยาเสพติดและอบายมุขต่างๆ โดยจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน รุ่นอายุระหว่าง 11-13 ปี เพื่อชิงเงินรางวัลรวมเกือบ 1 ล้านบาท โดยจะจัดการแข่งรอบคัดเลือกทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อหาแชมป์ในแต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาคหรือโซน เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเพื่อชิงชนะเลิศในระดับประเทศ
พันโท หนุน กล่าวถึงโครงการ CSR ที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนเพิ่มเติมว่า สำนักงานฯ ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เพื่อให้น้องๆ นักเรียน เยาวชน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตระหนักและเข้าใจถึงโทษของปัญหาการพนัน ประกอบด้วยโครงการ “Kid Dee ต้นกล้าดีมีคุณธรรม ซีซั่น 2” ร่วมกับมูลนิธิยังมีเรา(กลุ่มนักเรียน ม.ปลายถึงระดับอาชีวศึกษา) โครงการคิดใส ไทยแลนด์ ร่วมกับมูลนิธิปัญญาวุฒิ (นักเรียน ม.ต้น -ม.ปลาย) โครงการ SEED Project เยาวชนรักบ้านเกิด ร่วมกับมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม (แกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัย จนถึงใกล้จบอุดมศึกษา)”
พัฒนาชุมชนให้เติบโตจากฐานราก
พันโทหนุนกล่าวว่า “สำหรับมิติของสังคมและชุมชน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังดำเนินโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปีที่ 6 ที่สำนักงานฯ ลงพื้นที่เพื่อยกระดับและพัฒนาชุมชนที่สมัครเข้าร่วมโครงการโดยขับเคลื่อนพัฒนาการบริหารจัดการชุมชนในด้านผลิตภัณฑ์และบริการชุมชนที่มีเอกลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งผลให้สมาชิกในชุมชนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ มีความสุขภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้มีความมั่นคงและยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน และมี 57ชุมชนเข้าร่วมโครงการ โดยชุมชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาจากทีมที่ปรึกษาของโครงการฯ ทั้งด้านการพัฒนาชุมชน กลยุทธ์การตลาด การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร โดยจัดทำเป็นแผนการยกระดับชุมชนฯ แผนการตลาดออนไลน์และแผนการเชื่อมโยงความสำเร็จเชิงพาณิชย์ให้กับทุกชุมชน การจัดแสดงนิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และการจัดทำ e-Catalog นำเสนอผลิตภัณฑ์/บริการเด่นของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ การพัฒนาป้ายสำคัญในชุมชนและเอกสารแนะนำชุมชน การประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การจัดงานแถลงข่าวโครงการฯ การเผยแพร่ข้อมูลชุมชน ผ่านสถานีโทรทัศน์ / Youtuber และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และบริการของชุมชนผ่าน Website สำนักงานสลากฯ เป็นต้น ติดตามความคืบหน้าโครงการได้ที่ facebook fanpage : สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านห่วงใยจากใจ GLO ซึ่งสำนักงานฯ ดำเนินการร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนของประชาชนในทุกมิติ ซึ่งสำนักงานฯ พบว่า มีประชาชนที่ประสบปัญหาสภาพบ้านพักอาศัยที่ไม่มั่นคงถาวร โครงสร้างบ้านไม่มีความแข็งแรง ฝาบ้านชำรุด หรือไม่ครบ 4 ด้าน และประตูหน้าต่างอยู่ในสภาพไม่คงทนกับการใช้งาน สำนักงานฯ จึงได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สนับสนุนโครงการบ้านห่วงใยจากใจ GLO เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและสนับสนุนนโยบายรัฐ ในฐานะองค์กรแห่งการให้ โดยได้เริ่มดำเนินโครงการฯ ในปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2566 จำนวน 83 หลัง และในปีที่ 2 อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 84 หลัง”
โครงการเพื่อสังคม ของ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีหลายโครงการ ในมิติของสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และโครงการภายใต้แนวคิดดังกล่าวเป็ฯงานเพียงส่วนเดียวของสำนักงานฯ และเป็นก้าวเล็กๆ ก้าวแรกๆ ที่อย่างน้อยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อนื่อง