“สหกรุ๊ปแฟร์” เริ่มแล้ว !!! ช้อปต่อเนื่อง 4 วัน ในบรรยากาศ “Fair & Fest” 27-30 มิ.ย.นี้ลุยร่วมทุนกับพันธมิตรครั้งประวัติศาสตร์ บุกธุรกิจแห่งอนาคต

สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 เปิดให้ช้อปแล้ว ต้อนรับนักช้อปในคอนเซปต์ Fair & Fest ปรับโฉมใหม่หมด เนรมิตให้เป็นทั้งแฟร์และเฟสติวัลในงานเดียว โดยยกทัพสินค้ากว่า 1,000 รายการ มาให้ช้อปท่ามกลางกิจกรรมและบรรยากาศความสนุกสุดฟินตลอด 4 วัน จัดเต็มกับนวัตกรรม สินค้าใหม่ กิจกรรมพิเศษ แฟชั่นโชว์ การประกวด การสัมมนา และเป็นงานครั้งประวัติศาสตร์ของเครือสหพัฒน์ที่จะประกาศทิศทางธุรกิจโดยร่วมทุนกับพันธมิตรจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และไทย บุกธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต 

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า สหกรุ๊ปแฟร์ แอนด์ เฟส จัดระหว่าง วันที่ 27-30 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-21.00 น. ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ

  • พื้นที่จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ นำสินค้าแบรนด์ดังในเครือสหพัฒน์มาจัดโปรโมชันเพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชนรวมกว่า 1,000 คูหา กว่า 100 บริษัทอาทิ อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน ชุดชั้นใน หน้ากากอนามัย ชุดออกกำลังกาย รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา สินค้าสุขภาพ เครื่องเขียน ของใช้สำหรับเด็ก
  • พื้นที่จัดแสดงสินค้านวัตกรรม มีนวัตกรรมจากบริษัทในเครือสหพัฒน์มาเปิดตัว และจัดแสดงสินค้าจากพันธมิตรของเครือสหพัฒน์
  • พื้นที่จัดกิจกรรมพิเศษ โดยมีกิจกรรม ประกวด สัมมนา และเวิร์กช็อปให้ความรู้มากมาย

ไฮไลต์ของงานปีนี้ คือ การรวมงานจำหน่ายสินค้าเข้ากับกิจกรรมความบันเทิง ซึ่งผู้ชมงานจะได้เต็มอิ่มไปกับกิจกรรมความบันเทิงที่จัดขึ้นทั่วพื้นที่ของการจัดงาน ซึ่งจะสร้างสีสัน และทำให้การช้อปสินค้าสนุกเพลิดเพลินกว่าเดิม

“นอกจากการจัดงานที่มีความสนุกมากขึ้นแล้วงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ยังถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเครือสหพัฒน์ ที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวม 18 ฉบับ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนครั้งใหญ่และยังเป็นการประกาศทิศทางของเครือ สหพัฒน์ทีจะมุ่งไปในอนาคต ในกลุ่มธุรกิจไบโอเทค บริการ ความรู้ แพลตฟอร์มอสังหา ริมทรัพย์ และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม” นายธรรมรัตน์ กล่าว  

สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจ และการลงนามความร่วมมือ ทั้ง 18 ฉบับ ประกอบด้วย

ธุรกิจไบโอเทค 1 ฉบับ ได้แก่ความร่วมมือกับบริษัท QUARKBIO ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Precision Healthcare Solution เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Precision Healthcare

ธุรกิจบริการ 4 ฉบับได้แก่ 1) ความร่วมมือกับ สกายไดร์ฟ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจอากาศยานไร้คนขับ 2) ความร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อดำเนินโครงการศูนย์พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร 3) ความร่วมมือกับ ฟาสต์ บิวตี้ ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย 4) ความร่วมมือกับธนาคารไอซีบีซี เพื่อสนับสนุนและขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน

ธุรกิจความรู้ 4 ฉบับได้แก่ 1) ความร่วมมือกับ 5 สถาบันการศึกษา ได้แก่ พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พระจอมเกล้าพระนครเหนือ เกษตรศาสตร์ นิด้า สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้กับอุตสาหกรรมผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ในไทย 2) ความร่วมมือกับ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อเสริมทักษะการเป็นผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านแฟชั่นให้นักศึกษา 3) ความร่วมมือกับ โรงแรมสยามวิลล่า สุวรรณภูมิ วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจแฟชั่นนานาชาติ และสมาคมกีฬามวยไทย เพื่อเปิดหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา      4) ความร่วมมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และวิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจแฟชั่นนานาชาติ เพื่อจัดการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตในการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัย

ธุรกิจแพลตฟอร์ม 4 ฉบับได้แก่ 1) ความร่วมมือกับ ลาลาสเตชันส์ ผู้นำธุรกิจไลฟ์คอมเมิร์ซจากเกาหลี เพื่อพัฒนาไลฟ์คอมเมิร์ซแพลตฟอร์มแรกของไทย 2) ความร่วมมือกับ เอตัวล์ ไคโตะ ผู้นำค้าส่งสินค้าจากญี่ปุ่น เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่ายขยายสู่ตลาดต่างประเทศ 3) ความร่วมมือกับ เอ็มทีเอส โกลด์ เพื่อผลิตทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 99.99% รองรับระบบดิจิทัล โกลด์ เซฟวิ่ง 4) ความร่วมมือกับ ออร์บิกซ์ เทค เพื่อพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 ฉบับ ได้แก่ 1) ความร่วมมือกับ โตคิว คอร์ปอเรชั่น เพื่อก่อตั้ง สห โตคิว พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในไทย 2) ความร่วมมือกับโตคิว คอร์เปอเรชั่น และดุสิตธานี เพื่อพัฒนาโครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และโครงการดุสิต สวีต คิงสแควร์ กรุงเทพฯ

ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 3 ฉบับ ได้แก่ 1) ความร่วมมือกับ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เพื่อใช้โซลูชันโกกรีนพลัส ในการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2) ความร่วมมือกับ เอสซี แกรนด์ เพื่อพัฒนาสินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3) ความร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อพัฒนาที่จอดรถยนต์ไฟฟ้าที่โครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และติดตั้งโซล่าร์รูฟที่โครงการคิงสแควร์ คอมมูนิตี้