เอชพีเผยผลการศึกษา : ผู้นำธุรกิจและภาครัฐเชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ

  • ผลการศึกษาระดับโลกจากเอชพีเผยว่า ผู้นำธุรกิจและภาครัฐกว่าสามในสี่ (76%) เชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโอกาสให้ประชากรที่หลุดออกจากระบบเศรษฐกิจได้กลับเข้าสู่ระบบ
  • ในปัจจุบันผู้นำธุรกิจส่วนใหญ่ได้ใช้งาน AI หรือวางแผนที่จะใช้ AI เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม
  • ผลการศึกษานี้เกิดขึ้นระหว่างที่เอชพีประกาศขยายความก้าวหน้าในการเข้าถึงเทคโนโลยี ในการพัฒนาทักษะ และการใช้ AI เพื่อเป็นพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

เอชพี อิงค์ (NYSE: HPQ) เผยผลการศึกษาใหม่ร่วมกับออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของผู้นำทั่วโลกในการใช้เทคโนโลยีรวมถึง AI เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

การศึกษานี้ได้สำรวจผู้นำธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐใน 10 ประเทศ และพบว่าสามในสี่ของผู้นำ (76%) เชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและ AI จะช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนและสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (76%)

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้นำธุรกิจได้ใช้ AI อยู่แล้วหรือมีแผนที่จะใช้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าเพื่อเป้าหมายต่างๆ เช่น การเพิ่มการเข้าถึงการศึกษาดิจิทัล (90%) การพัฒนากำลังคน (89%) และความหลากหลายของแรงงาน (86%)

“ความสามารถของ AI มีแนวโน้มอย่างมากที่จะช่วยให้เอชพีบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้เร็วขึ้น” เออร์เนสต์ นิโคลัส หัวหน้าฝ่ายบริหารห่วงโซ่อุปทานของเอชพีกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง AI PCs อย่างรับผิดชอบสำหรับผู้ใช้มือใหม่ ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ใช้เวิร์คสเตชันของเราเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่นในการสร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จะผลักดันให้ธุรกิจและชุมชนของเราเดินหน้าต่อไปได้”

การเร่งสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลให้กับประชากร 150 ล้านคนภายในปี 2573

ประชากรทั่วโลกประมาณหนึ่งในสามยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลได้เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่มีเทคโนโลยี และ AI อาจทำให้ความเหลื่อมล้ำนี้รุนแรงขึ้น

“ทุกคนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล” มิเชล มาเลจกี้ หัวหน้าฝ่ายSocial Impact ของเอชพีและผู้อำนวยการมูลนิธิเอชพี กล่าว “เราทราบดีว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนความก้าวหน้า อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะลดช่องว่างทางดิจิทัลในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจำเป็นต้องเสริมสร้างทักษะให้กับบุคคลต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ADVERTISEMENT

ในรายงานการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ในวันนี้ เอชพีประกาศว่า บริษัทได้เร่งสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลให้กับประชากรกว่า 45 ล้านคนตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จเกือบหนึ่งในสามของเป้าหมายในการเข้าถึงประชากร 150 ล้านคนภายในปี 2573

ความคืบหน้าอย่างรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับองค์กรหลักต่างๆที่สร้างโซลูชันที่ปรับให้เหมาะสมกับชุมชน เอชพีดำเนินโครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลง การลงทุนเชิงกลยุทธ์ และความร่วมมือที่ให้ความสำคัญกับผู้ที่มีแนวโน้มจะประสบกับความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลมากที่สุด

ในปี 2566 เอชพีได้:

  • สนับสนุนโซลูชันความเท่าเทียมทางดิจิทัลที่พัฒนาโดย 10 องค์กร ในมาเลเซีย แอฟริกาใต้ และเม็กซิโกผ่านโครงการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัล เช่น การยกระดับความรู้ทางดิจิทัลเพื่อการเข้าถึงโอกาสการจ้างงาน การเข้าถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้านการศึกษาในโรงเรียน และการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสนับสนุนผลลัพธ์ทางสาธารณสุขที่ดีขึ้น ในปี 2566 โครงการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลนี้ สามารถเข้าถึงประชากรได้ทั้งหมด 6.4 ล้านคน
  • เปิดตัว Digital Hubs กว่า 100 แห่งร่วมกับ World YMCA เพื่อสนับสนุนการเขียนโปรแกรมและการรู้หนังสือ เช่น West Orem Digital Hub โดย YMCA Houston ในเท็กซัส มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา เศรษฐกิจ และสังคมสำหรับคนหนุ่มสาว สนับสนุนบริการสำหรับครอบครัว และหลักสูตรความรู้ทางดิจิทัลสำหรับสมาชิกสูงอายุของชุมชน เข้าถึงประชากรแล้วมากกว่า 50,000 คนทั่วโลก
  • เปิดตัว NABU HP Creative Labs สองแห่งในสหรัฐอเมริกาและฟิลิปปินส์ เพื่อมอบเทคโนโลยีให้ศิลปินและนักเขียนในการแต่งและวาดภาพประกอบหนังสือหลายร้อยเล่มสำหรับเด็กโดยใช้ภาษาถิ่นในแต่ละปี ในปี 2566หนังสือฟรีเหล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้เด็กกว่า 1.9 ล้านคน และเชื่อมโยงพวกเขากับวัฒนธรรม และเสริมสร้างทักษะการอ่านเขียน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัล

การพัฒนาทักษะในยุคที่ AI กำลังเติบโต

ผลการศึกษาระบุว่าการขาดทักษะเป็นอุปสรรคอันดับต้น ๆ ในการบรรลุเป้าหมายขององค์กรทั้งในภาคธุรกิจและภาครัฐ โดยมีเพียงความผันผวนทางเศรษฐกิจเท่านั้นที่มีอันดับสูงกว่า

การพัฒนาทักษะเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลของเอชพี ด้วยเหตุนี้เอชพีจึงขยายเป้าหมายสู่การเพิ่มจำนวนผู้ลงทะเบียนเป็น 2.75 ล้านคนในโครงการพัฒนาทักษะฟรี HP LIFE ซึ่งเป็นโครงการจากมูลนิธิเอชพีที่เปิดให้ลงทะเบียนและมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1.2 ล้านคน เพื่อให้เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจหรือสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้

เอชพีกำลังริเริ่มโครงการใหม่ ๆ เพื่อขยายการเข้าถึงและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการลงทุนทางธุรกิจที่สูงที่สุดในปัจจุบัน เช่น:

  • ขยายหลักสูตรฟรี ทักษะธุรกิจดิจิทัล HP LIFE โดยจะเปิดตัวหลักสูตรใหม่เกี่ยวกับทักษะ AI ในปลายปีนี้
  • เปิดตัว รางวัล HP AI เพื่อผลกระทบทางสังคม เป็นการร่วมมือกับ MIT Solve ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ซึ่งมอบเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อสร้างและดำเนินการแอปพลิเคชัน AI ให้กับผู้ประกอบการทางสังคมและองค์กรที่ใช้ AI เพื่อยกระดับด้านการศึกษา สาธารณสุขและโอกาสทางเศรษฐกิจในชุมชนทั่วโลก
  • เปิดตัว AI PCs รุ่นใหม่ สำหรับภาคธุรกิจและการใช้งานเชิงพาณิชย์ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานและการสร้างสรรค์

เอชพีมุ่งหวังที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและยุติธรรม เอชพีให้คำมั่นที่จะตรวจสอบการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและในอนาคตจะเสาะหาแนวทางเพิ่มเติมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและเท่าเทียมยิ่งขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาและรายงานการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนของเอชพี สามารถติดตามได้ที่ HP Newsroom