ยูโอบีเผยรายงานความก้าวหน้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ฉบับแรกตามคำมั่นสัญญาในการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero target) ภายในปี 2593 ตอกย้ำความมุ่งมั่นเดินหน้าสู่เป้าหมายตามที่ตั้งไว้ในภาคอุตสาหกรรมหลัก
คำมั่นสัญญา Net Zero ของยูโอบีประกอบด้วยเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิใน 5 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ พลังงาน ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และเหล็กกล้า จากข้อมูลของธนาคาร ในปี 2565 ธนาคารยูโอบีสามารถลดความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยตัวชี้วัดที่แตกต่างกันในทั้ง 5 ภาคอุตสาหกรรมได้ต่ำกว่าแนวทางการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero reference pathway) ร้อยละ 7 ถึง 14
นอกจากนี้ คำมั่นสัญญา Net Zero ที่ยูโอบีประกาศเมื่อปีที่แล้ว ยังครอบคลุมถึงการไม่อนุมัติสินเชื่อใหม่ให้กับโครงการอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้นน้ำที่ดำเนินการหลังปี 2565 โดยเมื่อพิจารณาทั้ง 6 ภาคอุตสาหกรรมรวมกัน คิดเป็นร้อยละ 60 ของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อลูกค้าธุรกิจของธนาคาร
ยูโอบีนำแบบจำลองภูมิอากาศที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกมาใช้ในการกำหนดเป้าหมายสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมตามเป้าหมายระดับภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ทั่วโลก แนวทางสู่ Net Zero นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่ออันแน่วแน่ของยูโอบีต่อความต้องการการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมและเพิ่มอัตราการเข้าถึงพลังงานแก่บรรดาประเทศที่มีความหลากหลายทั่วภูมิภาค
รายงานฉบับนี้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายต่างๆ ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero พร้อมทั้งอธิบายถึงการดำเนินการของยูโอบีในการยกระดับความพยายามเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ตลอดจนกระชับความร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องด้านการกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจนเหลือศูนย์ (decarbonisation) ทั้งในระดับนานาชาติและภูมิภาค
มร วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “ยูโอบีสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ที่เป็นธรรมและเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้ประเทศต่างๆ เติบโตอย่างต่อเนื่องและยกระดับการเข้าถึงพลังงานของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น เราจะช่วยเร่งการจัดหาเงินทุนและสนับสนุนลูกค้าในการเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่าน นอกจากนี้ เรายังได้ดำเนินการเปลี่ยนกระบวนการปฏิบัติการของธนาคาร และกระชับความร่วมมือกับระบบนิเวศของผู้เกี่ยวข้องในระดับที่กว้างขึ้น รวมถึงส่วนราชการทุกระดับ ประเทศ และสังคม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
“เราต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อบุคคลทั่วไป ภาคธุรกิจ และชุมชน ตามคำสัญญาในการปฏิบัติต่อลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม เมื่อทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกัน เราจะสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเพื่อผู้คนและธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของเรา รวมถึงผู้คนและธุรกิจที่เชื่อมต่อกับภูมิภาคของเราอีกด้วย”
ตัวเลขที่ปรากฏในแผนภูมินี้บางตัวอาจไม่สะท้อนค่าสัมบูรณ์เนื่องจากการปัดเศษ
ยูโอบีได้พัฒนาโครงการเพื่อดำเนินการตามคำมั่นสัญญาสู่ Net Zero แบบองค์รวม โดยมุ่งเน้นหัวข้อหลัก 4 ประการ ได้แก่
- การพัฒนาแผนสำหรับแต่ละภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงการกำหนดเป้าหมาย การวัดความคืบหน้า และการช่วงชิงโอกาสสำหรับภาคอุตสาหกรรม
- การสนับสนุนลูกค้า โดยให้บริการคำปรึกษาและโซลูชันทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้าก้าวสู่การกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจนเหลือศูนย์
- การรวมแนวคิดว่าด้วย Net Zero ไว้ในรูปแบบการปฏิบัติการของธนาคาร ทั้งในด้าน ธรรมาภิบาล นโยบาย กระบวนการ และขีดความสามารถ
- การผลักดันการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ และร่วมมือร่วมใจกับระบบนิเวศในวงกว้างทั้งส่วนราชการ หน่วยงานกำกับดูแล สมาคมอุตสาหกรรมและการค้า และธนาคารอื่นๆ เพื่อผลักดันให้เกิดแนวปฏิบัติร่วม
กลุ่มธนาคารยูโอบี สนับสนุนการอนุมัติสินเชื่อทางการเงินเพื่อความยั่งยืนมีมูลค่ารวมกว่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 และเราจะยังคงพัฒนาและขยายกรอบแนวคิดและโซลูชันการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ร่วมมือกับลูกค้าในการมองหาโอกาสในการสนับสนุนการก้าวสู่การกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจนเหลือศูนย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำมั่นสัญญาและความคืบหน้าสู่ Net Zero ของยูโอบีได้ที่ https://www.uobgroup.com/sustainability/sustainable-banking/net-zero-commitment.page.
นอกจากนี้ ยูโอบียังได้เปิดตัวภาพยนตร์ชุด ‘Progress in Harmony’ สื่อถึงแนวคิดที่ว่ามนุษย์และโลกสามารถเติบโตไปพร้อมกันอย่างสมดุลได้ โดยมีแคปซูลเวลาเป็นตัวดำเนินเรื่องบอกเล่าเรื่องราวแห่งความหวังและการมองโลกในแง่ดีผ่านจดหมายที่เขียนโดยคนในยุคปัจจุบันถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต
ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องต้องการกระตุ้นความคิดของผู้ชมให้ตระหนักถึงความซับซ้อนของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่เรากำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังตอกย้ำถึงความสำคัญของการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบุคคล องค์กร หรือระดับประเทศ ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยให้พวกเราทุกคนสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ทั่วโลกไปพร้อมๆ กันได้ และความพยายามเล็กๆ ของทุกคน สามารถรวมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน ดังเช่นโลกอนาคตในปี 2050 อันสวยงามที่ถ่ายทอดให้เห็นในโฆษณาเรื่องนี้ ดูภาพยนตร์ได้ที่ https://youtu.be/BwBrWpaenBI