SCAP เสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ เคาะดบ. 4-4.7% เสนอขาย 3-4 และ 7 ส.ค. นี้ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ

ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 (“SCAP”) เปิดเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 รุ่น วงเงินไม่เกิน  1,000 ล้าน บาท โดยมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ระดับ Investment Grade  ที่  “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน) เปิดจองซื้อระหว่าง 3 – 4 และ 7 สิงหาคมนี้  

วิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 (SCAP) เปิดเผยว่า SCAP กำหนดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้าน บาท โดยมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านบาทประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี ซึ่งจะจัดจำหน่ายผ่าน 6 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด จะชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท และทวีคูณครั้งละ 1 แสนบาท และเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป 

การเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัท ซึ่งนับเป็นการออกหุ้นกู้ครั้งสำคัญ โดยมีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการผ่านการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้แก่ลูกค้าของบริษัท 

การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทพร้อมสร้างการเติบโตผ่านกลยุทธ์ Build Strength from Strength ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งผ่านจุดแข็งที่โดดเด่นในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยต่อยอดจากความสำเร็จที่ผ่านมา และพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น มุ่งเน้นพัฒนาการบริการและผลิตภัณฑ์เดิมให้ตอบโจทย์ลูกค้าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง และในเชิงกว้างด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่จากธุรกิจหลัก และธุรกิจใหม่อื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสนับสนุนให้พอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม สินเชื่อใหม่ และรายได้ เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 

สำหรับเป้าหมายในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อคงค้างรวมจากธุรกิจหลักที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยหากบริษัทปล่อยสินเชื่อได้เป็นไปตามเป้าหมาย จะส่งผลให้เกิด Economies of Scale ผลักดันให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สูงขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 

หลังจากเครือศรีสวัสดิ์ได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยบมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) จะเน้นทำธุรกิจจำนำที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่วน SCAP เน้นทำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยอื่นๆ แบบครบวงจร เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนเข้าใจความแตกต่างในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแผนในปี 66 เราเล็งปรับบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า และเร่งศึกษาสินเชื่อรายย่อยใหม่ๆเพื่อสร้าง Ecosystem แบบครบวงจรในธุรกิจ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำสินเชื่อรายย่อยระดับต้นๆ ของเมืองไทย  

บริษัทมีแผนระยะยาวที่จะมุ่งเน้นการทำกำไรโดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีผลตอบแทนสูงในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยแบบครบวงจร และมีการกระจายตัวของสัดส่วนทางธุรกิจ ทั้งในแนวลึก และแนวกว้าง เพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ช่วยกระจายความเสี่ยงและปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนให้เกิดการสร้างรายได้ และผลกำไรแก่บริษัทเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

สถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ SCAP กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นกู้ SCAP ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน จากการเป็นบริษัทหลักในกลุ่มศรีสวัสดิ์และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 3 – 4 และ 7 สิงหาคม 66  จะมีหุ้นกู้ 2 ชุดให้เลือกจองซื้อตามระยะเวลาที่ต้องการลงทุน มีผลตอบแทนที่น่าพอใจ รวมถึงอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ที่ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี  

สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้ 

ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 

  • ธนาคารกสิกรไทย (โดยบุคคลรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 819 
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (บุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Appl – CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 02-626-7777 
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56 
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด  โทร. 02-680-4004 
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050 
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000  

หมายเหตุ:  การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน 

คำเตือน:   โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง