บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) เผยผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อโดดเด่น โชว์รายได้จากการขายและให้บริการใน Q1/65 ที่ 1,690 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมคาดธุรกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่องในทุกไตรมาส จากอานิสงส์ของการเปิดเมืองต่างๆ ในหลายประเทศทั่วโลก ดันให้รายได้ทั้งปี65 พุ่งแตะ 8,500 ล้านบาท เติบโตเกือบเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา
เดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการใน Q1/65 ที่ 1,690 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ถึง 78% ของรายได้รวมทั้งหมดมาตรการผ่อนคลายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กับดีมานด์การท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในไทย สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และสาธารณรัฐมอริเชียสส่งผลให้รายได้ของพอร์ตโรงแรมในไทย และ Outrigger เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งสัญญาณบวกต่อรายได้ในอนาคตที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อหลายประเทศยกเลิกข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ และการให้บริการเส้นทางบินต่างๆ สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นปกติ จากทิศทางการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐในหลายประเทศ ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ Q2/65 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ จากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 261 ล้านบาท นับเป็นการรายงาน Adjusted EBITDA ที่เป็นผลกำไร 3 ไตรมาสติดต่อกัน สะท้อนถึงการฟื้นตัวของภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ได้อย่างชัดเจน”
เดิร์กกล่าวถึงสถานการณ์ต่อไปว่า “บริษัทฯ เริ่มเห็นสัญญาณบวกดังกล่าวจากผลการดำเนินงานช่วงเมษายนที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้งพอร์ตฯ เพิ่มขึ้นมาที่ 60% และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปีนี้ สอดคล้องกับการทยอยเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ ประกอบกับนโยบายด้านการบริหารจัดการและการลงทุนโรงแรมแบบกระจายความเสี่ยง การยกระดับการบริการเพื่อสอดคล้องต่อความต้องการสูงสุดของนักท่องเที่ยว การเพิ่มช่องทางการจองที่พักโรงแรมโดยตรงจะทำให้บริษัทฯ บรรลุเป้ารายได้ปีนี้ที่ 8,500 ล้านบาท และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย”
เดิร์กคาดการณ์ว่า ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาคึกคักนับแต่ Q2/65 SHR ยังคงพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการจองห้องพักที่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการปรับปรุงสินทรัพย์และสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ ให้แก่โรงแรม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของแขกผู้เข้าพักยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในปี 2565
ผลการดำเนินงานใน Q1/65 ของพอร์ตโรงแรมในโครงการ CROSSROADS Phase 1 (โครงการครอสโร้ด เฟส 1) ที่มัลดีฟส์ยังเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 74% ด้วยความโดดเด่นที่สามารถรองรับการพักผ่อนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่สุดเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในมัลดีฟส์ พร้อมด้วยมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ การทำการตลาดเชิงรุกเพื่อหาลูกค้าหมุนเวียนจากภูมิภาคต่างๆ พร้อมคาด จะสามารถรักษาอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในระดับสูงต่อเนื่องได้ทั้งปี กับตั้งเป้าเพิ่มอัตราค่าห้องพักต่อคืนให้เติบโตผ่านการรีโนเวทห้องพักโรงแรม และการเจาะลูกค้ากลุ่ม High Spending จากภูมิภาคต่างๆ
ขณะที่คาดว่า โรงแรมในสหราชอาณาจักรจะมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ Q2/65 ในระดับก่อนโควิด-19 เนื่องจากโรงแรมเหล่านี้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ อีกทั้งมีดีมานด์การท่องเที่ยวในประเทศที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบวกของการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ของอุตสาหกรรม MICE ที่คาดว่าจะฟื้นตัวทั้งใน สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และไทย โดยเฉพาะโรงแรมทรายลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้รายได้ในปีนี้เติบโตขึ้น
เดิร์ก กล่าวว่า “สำหรับแผนการเติบโตในระยะยาว SHR ทุ่มทุนใน 3 ปีข้างหน้ากว่า 2,800 ล้านบาท เพื่อเสริมแกร่งและต่อยอดการลงทุน ตลอดจนลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงแรม SO/Maldives ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2566 พร้อมเตรียมงบสำหรับการควบรวมกิจการเพิ่มเติม รวมทั้งจับมือกับพันธมิตรผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำระดับนานาชาติเพื่อขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต”