เอชเค แเมเนจเมนท์ X ธรรมศาสตร์ เปิดตัว Smart handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ

เอชเค แเมเนจเมนท์ แอนด์ เซอร์วิส กรุ๊ป เปิดสุดยอดนวัตกรรมฝีมือคนไทย  Smart handy  อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UVC ผลงานความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน คณะวิศวกรรมศาสตร์และสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชูดีไซน์ที่ทันสมัยทลายกำแพงข้อจำกัดนวัตกรรมไทย หวังแจ้งเกิดทั้งในและต่างประเทศ ยกระดับมาตรฐานการคัดกรองเชื้อโรค ด้วย Smart Handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโมมัติมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ได้ถึง 99.99% ในระยะเวลาเพียง 18 วินาที ลดความเสี่ยงการเกิดโรคระบาด และโรคอุบัติใหม่ในอนาคต พร้อมเตรียมพัฒนาเพิ่มอีกหลายโมเดลครอบคลุมธุรกิจองค์กรขาดเล็ก บ้านที่พักอาศัย และตั้งเป้าผลักดันนวัตกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใน 2  ปี หวังโกยรายได้ 250 ล้านบาท ภายในปี 2566

จิรัฏฐ์ณิชชา กิติยาณัณท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอชเค แเมนเนจเมนท์ แอนด์ เซอร์วิส กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงการลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ด้วยการพัฒนาของ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยี และคณะสหเวชศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา เพื่อพัฒนานวัตกรรม Smart handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ  ด้วยรังสี UVC สามารถฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้สูงถึง 99.99 % และพร้อมนำร่องจัดจำหน่ายในเชิงพาณิชย์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่  โดยบริการให้คำปรึกษา ติดตั้งและวางระบบ ตลอดจนบริการหลังการขาย โดยกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ท่าอากาศยาน หน่วยงานราชการ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียนและสถาบันการศึกษา ฯลฯ ที่ต้องการระบบคัดกรองที่มีประสิทธิภาพเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการ

ปัจจุบันได้ติดตั้ง Smart handy เพื่อทดลองใช้งาน ณ อาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ. ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และในอนาคตตั้งเป้าพัฒนา Smart handy สำหรับที่อยู่อาศัย เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป พร้อมตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาทภายใน 2 ปี  เป้าขาย Smart handy ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโอากาสจากความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองเชื้อโรค ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาด และโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

ผศ.ดร. ปรัชญา เปรมปราณีรัชต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ความสำเร็จของนวัตกรรม “Smart handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของนวัตกรรมไทยภายใต้ความร่วมมือของภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ภายใต้แนวคิด “คนไทยคิด คนไทยทำ เพื่อสุขภาพคนไทย” เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพจุดคัดกรองให้มีความสะอาดปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต

การระดมความรู้เพื่อออกแบบและวิจัย Smart handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ  โดยทดลองใช้รังสี UVC ความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร และพบว่า รังสี UVC สามารถเข้าไปทำลาย DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ทำให้ไม่สามารถแพร่พันธุ์ และก่อให้เกิดโรคได้อีก ซึ่งเท่ากับมีศักยภาพสูงในการทำลาย DNA และ RNA ของเชื้อโรคและฆ่าเชื้อโรคได้ ที่สำคัญ ความเข้มข้นของรังสียูวีซีสามารถฆ่าเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย จากนั้นได้คัดเลือกอุปกรณ์คุณภาพสูงจากบริษัทผู้ผลิตชั้นนำ ที่ไม่ก่อให้เกิดสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนของโลก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์โลกร้อน

Smart handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ ได้ขึ้นทะเบียนจดสิทธิบัตร จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้นวัตกรรมและสร้างจุดขายที่สำคัญทำให้นวัตกรรมไทยให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมไม่แพ้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยที่ผ่านมานวัตกรรมไทยประสบปัญหาหลักที่สำคัญ 2 ประการ ได้แก่ การออกแบบให้มีความทันสมัย และการร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีความสามารถเพื่อผลักดันนวัตกรรมออกสู่ตลาดในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในการผลักดันประเทศก้าวสู่ประเทศแห่งนวัตกรรม

รศ.ดร.วรดา สโมสรสุข คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า นวัตกรรม “Smart handy” อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา จากการวิจัยและทดสอบผลร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่า สามารถฆ่าเชื้อ Bacillus atrophaeus  บาซิลลัส อะโทรเฟียส ซึ่งเป็นเชื้อที่สร้างสปอร์ได้ นั่นหมายถึงสามารถใช้ฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้เช่นกัน และมีประสิทธิภาพในการหยุดเชื้อได้ถึง 10,000 เซลล์ และได้ทดสอบด้วยการหยอดเชื้อบาซิลลัส อะโทรเฟียส ลงบนพื้นผิวหลายชนิด เช่น กระเป๋าหนัง กระเป๋าเดินทาง วัสดุที่เป็นพลาสติก กล่องพัสดุไปรษณีย์ ฯลฯ และนำไปผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อโรคด้วย Smart handy อุโมงค์ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ พบว่า ภายใน 15 วินาที สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 95% หากเพิ่มเวลาฆ่าเชื้อโรคเป็น 18 วินาที พบว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับวัตถุได้สูงถึง 99.99% นวัตกรรมนี้นับเป็นความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองเชื้อโรค ช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ปกป้องสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คนให้มั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตในยุคที่เชื้อโรคต่างๆ มีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างรวดเร็วทั้งในกลุ่มโรคอุบัติเก่าและโรคอุบัติใหม่