บราเดอร์ พัฒนานโยบายขานรับแผนการพัฒนาโลกเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development Goals –SDGs) ที่ริเริ่มโดยสหประชาชาติ โดยมุ่งเน้นใน 3 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย เพิ่มการหมุนเวียนทรัพยากรสูงสุด ส่งเสริมสังคมที่ไร้คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และผลลัพธ์สุทธิที่เป็นบวกในระบบนิเวศน์ ผ่านนโยบาย Environmental Vision 2050 ที่พร้อมขับเคลื่อนโดยบราเดอร์ทั่วโลก
พรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า
ปัจจุบัน “ภาวะโลกร้อน” และ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ถือเป็นปัญหาระดับโลกที่สร้างผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น นโยบายการขับเคลื่อนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมจึงถือเป็นหนึ่งภารกิจหลักที่ บราเดอร์ ให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ นโยบายด้านการลดปริมาณ “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2” ที่เป็นสาเหตุหลัก โดยในปีงบประมาณ 2022 บราเดอร์ ได้กำหนดทิศทางและแผนการดำเนินงานภายใต้นโยบายหลักของกลุ่มบริษัทบราเดอร์ชื่อ Environmental Vision 2050 ต่อยอดจากการลดปริมาณ CO2 ด้วยการเพิ่มนโยบายใน 3 ด้าน ประกอบด้วย
- Maximize Resource Circulation หรือการบริหารจัดการทรัพยากรโดยเน้นการ reuse และ recycle มากกว่าการใช้ทรัพยากรใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนกลไกทางธุรกิจ
- Positive Net Gain for Biodiversity หรือการเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ
- Contribution for Decarbonized Society หรือห่วงโซ่กระบวนการการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่จะมีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
“นโยบาย Environmental Vision 2050 ถูกกำหนดแผนการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกเริ่มจากปีงบประมาณ 2021 ถึง 2030 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals –SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเป็นระยะปรับตัวเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่ระยะ ดำเนินงานจริงในช่วงปีงบประมาณ 2031 ถึง 2050
ในระยะแรกนั้น บราเดอร์ ตั้งเป้าลดปริมาณ “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2” ให้ได้ถึง 30% ด้วยการดำเนินการภายในองค์กรตลอดจนส่งเสริมภาคสังคมในด้านต่างๆ ที่มีบทบาทในการช่วยลด CO2 ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งสนับสนุนให้ บราเดอร์ ทั่วโลกเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อรักษาระบบนิเวศทางธรรมชาติดังเช่นที่ บราเดอร์ ประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการบราเดอร์อาสาอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลนเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืนที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองนโยบายด้าน Positive Net Gain for Biodiversity ส่วนด้าน Maximize Resource Circulation จะเริ่มเดินหน้าลดการใช้ทรัพยากรใหม่ๆ และมุ่งเน้นด้าน Reuse และ Recycle เป็นหลัก”
“บราเดอร์ เชื่อว่าการสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้เป็นโลกที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนและพร้อมเป็นบ้านของมนุษยชาติจากปัจจุบันสู่อนาคตนั้น ไม่สามารถทำได้เพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่ต้องได้รับพลังความร่วมมือจากสังคมทุกสังคมบนโลกใบนี้ ร่วมสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังให้คนในรุ่นต่อๆ ไปเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”
พรภัค กล่าวถึงเป้าหมายของนโยบาย Environmental Vision 2050 ว่า
“แม้ปี 2050 อาจมองว่ายังห่างไกล แต่บราเดอร์เชื่อว่าหากเราไม่เริ่มในวันนี้ อาจสายเกินไปที่จะเริ่มภารกิจที่สำคัญดังกล่าว เพราะการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมนั้นต้องอาศัยเวลา”
สำหรับการดำเนินงานเพื่อสนองตอบนโยบาย Environmental Vision 2050 ของ บราเดอร์ ประเทศไทยนั้น พรภัค กล่าวเสริมว่า
“บราเดอร์จะเดินหน้าสานต่อกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำมาแล้ว เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการเดินหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Green Office โดยมุ่งไปที่การลดปริมาณ CO2 และลดปริมาณขยะในสำนักงานผสานการต่อยอดสู่นโยบาย Maximize Resource Circulation ด้วยการมุ่งเน้นด้าน Reuse และ Recycle ผ่านโครงการ Ecobricks ที่รณรงค์ให้พนักงานนำเศษขยะชิ้นเล็กๆ ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ เช่น ถุงพลาสติก ซองขนม หลอด มาอัดให้แน่นในขวดพลาสติก โดยต้องเป็นชิ้นส่วนไม่เปียก ไม่เน่า เพื่อใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างแทนอิฐสำหรับสร้างกำแพงของสถานศึกษาหรือห้องสมุดให้แก่ชุมชนพื้นที่ชายขอบใน จ.กาญจนบุรีต่อไป โดยบราเดอร์จะส่งทีมพนักงานอาสาสมัครเดินทางไปร่วมสร้างกำแพงในครั้งนี้ด้วย”