บมจ. ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น หรือ SYMC ผนึกกำลังกับ บริษัท ครีเดน เอเชีย จำกัด เดินหน้าร่วมกันให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ Electronic Know Your Customer (e-KYC) และบริการลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ Electronic Signature (e-Signature) สำหรับลูกค้าองค์กร รุดหน้าสู่การดำเนินธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ทันสมัย ยกระดับความรวดเร็วของการทำธุรกรรมออนไลน์ เชื่อมโยงฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้สูงสุดของหน่วยงานภาครัฐ ลดต้นทุน พร้อมต่อยอดทางธุรกิจ
อเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น หรือ SYMC ผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมทั้งในประเทศ ระหว่างประเทศ และเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน มีความมุ่งมั่นผลักดันบริการที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้อย่างรวดเร็ว บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท ครีเดน เอเชีย จำกัด สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาบริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) และบริการลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เพื่อมอบบริการดังกล่าวให้กับลูกค้าของ SYMC รองรับการเติบโตของธุรกิจไทยในยุคดิจิทัล พร้อมผลักดันธุรกิจไทยทุกภาคส่วนก้าวสู่ยุคสังคมไร้กระดาษ สอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมออนไลน์
“ตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้สถาบันการเงินอย่าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินนำเทคโนโลยี e-KYC และ e-Signature มาใช้ในการบริการลูกค้าได้ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID -19 เพราะเป็นนวัตกรรมแบบไร้การสัมผัส สามารถมั่นใจได้ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ช่วยให้การบริการทางการเงินดิจิทัลมีความปลอดภัย ด้วยการทำงานที่ง่ายของ e-KYC และ e-Signature ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ เพื่อกรอกเอกสารและเซ็นเอกสาร ทำให้ช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ไปได้มาก เนื่องจาก e-KYC เป็นการนำเอาเทคโนโลยี Face Verification และ Artificial Intelligence หรือ AI ตรวจสอบใบหน้าและข้อมูลบัตรประชาชนกับกรมการปกครองผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่รวดเร็วและปลอดภัย สำหรับลูกค้าที่มีความต้องการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) โซลูชั่นของเราเองก็พร้อมให้บริการแล้วเช่นกัน
ส่วน e-Signature ก็สามารถใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์แทนลายเซ็นบนกระดาษได้ทันที มีความปลอดภัยสูงและตรวจสอบได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน (Blockchain) ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลูกค้ามี ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์พีซี ก็สามารถทำรายการได้ทุกที่ ทุกเวลา มีการบันทึกเวลาที่ทำรายการตามมาตรฐาน e-Stamping ของ TEDA หรือ Trusted Electronic Document and Authentication และจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud) หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจของลูกค้าอย่างมาก
ในปัจจุบันเราจะพบว่า ในทุกธุรกิจก็เริ่มสนใจและมีการใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของการให้บริการกับลูกค้าด้วยเช่นกัน สำหรับกลุ่มเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแค่ ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจเครือข่าย (MLM) กลุ่มธุรกิจสินเชื่อ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาล โรงแรม สถานศึกษา แต่รวมไปถึงในทุกบริษัทที่มีกระบวนการสมัคร ลงทะเบียนสมาชิก ขออนุมัติทั้งภายในและภายนอกบริษัท เราจึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับครีเดน เอเชียครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการของเรากับลูกค้าได้ครบวงจรมากขึ้น”
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเดน เอเชีย จำกัด กล่าวว่า
ครีเดน เอเชีย ได้ดำเนินงานภายใต้แนวคิดในการแก้ไขปัญหากระบวนการการระบุตัวตน (Identification) และพิสูจน์ตัวตน (Verification) โดยได้มีการพัฒนาบริการเอกสารและลายเซ็นออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสามารถใช้งานได้จริง จึงได้ทำการพัฒนาบริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) และบริการลงลายมือชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ขึ้นมา เนื่องจากระบบดังกล่าวช่วยให้การทำธุรกรรมต่างๆ ขององค์กรมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น อาทิ แพทย์สามารถเซ็นใบรับรองแพทย์ได้โดยไม่ต้องเข้ามาที่โรงพยาบาล บริษัทประกันภัยสามารถเคลมประกันด้วยสมาร์ทฟอร์ม (Smart Form) รวดเร็วกว่าการส่งเอกสารไปยังปลายทาง สามารถลดต้นทุนการใช้กระดาษได้มากกว่า 50%
“ส่วนด้านความปลอดภัยและความถูกต้องของการยืนยันตัวตนนั้น ครีเดน เอเชีย มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นต้น โดยบริการ e-KYC และ e-Signature นั้นจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อทำควบคู่กัน เพราะหากเข้าสู่ระบบ e-Signature สามารถกำหนดให้ผู้เซ็นเอกสารผ่านขั้นตอนพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อน เพื่อตรวจสอบสถานะของผู้ทำธุรกรรม จากการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถตรวจเช็คยืนยันได้ทันที ผู้ใช้งานจึงสามารถไว้วางใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยในระดับสูง ช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน โดยเฉพาะในแง่ของธุรกิจองค์กรที่จำเป็นต้องมีการทำงานที่รวดเร็ว และในอนาคตมีแผนจะขยายความร่วมมือไปถึงการทำ e-Tax ด้วย เพื่อทำให้ธุรกิจในประเทศสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ก้าวทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบันทางครีเดน เอเชียเองมีลูกค้าในกลุ่มภาครัฐ ประกันภัย และบริษัทเอกชนต่างๆ การร่วมมือกับซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่นในครั้งนี้ จึงถือเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น เพราะซิมโฟนี่มีลูกค้าองค์กรธุรกิจชั้นนำมากมาย รวมทั้งเป็นการต่อยอดทางธุรกิจของลูกค้าให้แข็งแกร่ง ซึ่งบริการนี้ช่วยส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการบริการทางการเงินหรือการให้บริการขององค์กรต่างๆ ที่ต้องการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว สอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ของภาครัฐที่จะเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหลักให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างแน่นอน”