กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) รายงานผลการดำเนินงานในระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563
กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 คิดเป็นมูลค่า 2,933 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและการเติบโตของการดำเนินธุรกิจ
ในขณะที่มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คิดเป็น 1,410 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ต่ำสำหรับครึ่งปีแรก แต่บริษัทยังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในแต่ละเดือนอย่างแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ แม้จะต้องดำเนินธุรกิจภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ฐานะการทางเงินของบริษัทยังเป็นไปอย่างแข็งแรงและแข็งแกร่ง ด้วยการเติบโตของมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น (Underlying free surplus generation) ร้อยละ 11และอัตราส่วนของการดำรงเงินกองทุน (Solvency ratio) ตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งเอไอเอ ยังมีอัตราส่วนที่แข็งแกร่งถึงร้อยละ 328
คณะกรรมการบริษัทของกลุ่มบริษัทเอไอเอประกาศเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 คิดเป็นมูลค่า 35.00 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคงของกลุ่มบริษัท แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังคาดการณ์ได้ยาก รวมถึงสภาพแวดล้อมของตลาดทุนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า
“ผมมีความภูมิใจอย่างมากกับแนวทางการบริหารธุรกิจของเอไอเอที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว และมีความเข้าใจต่อความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งยังได้ส่งมอบการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าและสังคม ผมขอขอบคุณต่อความทุ่มเท ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของพวกเราทุกคนในช่วงเวลาที่คาดเดาไม่ได้เช่นนี้
“เราเห็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของยอดขายธุรกิจใหม่ในแต่ละตลาดของเรา ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนคลายของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ การเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีและมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของพอร์ตการเงินขนาดใหญ่ของเราและการดำรงเงินกองทุนของเอไอเอยังคงมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทของกลุ่มบริษัทเอไอเอยังได้ประกาศเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเงินปันผลที่มีการบริหารอย่างรอบคอบ ยั่งยืน และมีความก้าวหน้าของเรา ซึ่งนำไปสู่โอกาสในการเติบโตในอนาคตและความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท
“ตั้งแต่ที่ผมได้เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอในเดือนมิถุนายน
ผมได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับคณะผู้บริหารทั่วทั้งกลุ่มบริษัท เพื่อร่วมกันพัฒนาและดำเนินงานตามแผนงานกลยุทธ์ของเรา ซึ่งเป็นการสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ และปรับรูปแบบองค์กรเอไอเอ ให้มีความง่าย รวดเร็ว และเชื่อมต่อกันมากขึ้น เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าของเรา ผ่านเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลแบบใหม่ๆ เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีเยี่ยม ผมมีความตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเอไอเอ และยังคงมุ่งเดินหน้าในการสร้างมูลค่าที่เติบโตและยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นของเรา”