เมื่อ On นำรองเท้ารุ่นยอดฮิตที่สวมใส่ได้ตลอดวันอย่าง Cloud มาพัฒนาต่อยอดเป็นรุ่น Cloud Edge นั้นหมายถึงการออกแบบรองเท้าที่ให้ look & feel ต่างจากเดิมมีการตีความใหม่ตั้งแต่การใช้วัสดุและผิวสัมผัสแบบใหม่ไปจนถึงการปรับปรุงรูปทรงของรองเท้า
รองเท้ารุ่น Cloud Edge ยังได้รับการพัฒนาต่อไปเป็นรุ่น Cloud Terry รวมถึงรุ่นพิเศษต่างๆ เช่น Cloud Edge Moon ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายหมดเร็วที่สุดของ On และล่าสุดคือ Cloud Hi Edge
ธิโล อเล็กซ์ บรันเนอร์ หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ On กล่าวว่า “Cloud Hi Edge เป็นรองเท้าทรง mid-top สายพันธุ์ใหม่ที่ยังคงความเป็นรองเท้าวิ่ง ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของรองเท้า On ทุกรุ่น แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดในฐานะนักออกแบบคนหนึ่งคือ ปัจจุบันนี้เราได้เห็นผู้คนมอบชีวิตใหม่ให้รองเท้า On ด้วยการนำไปใส่กับเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ นี่คือแรงบันดาลใจของเราในการออกแบบ Cloud Hi Edge”
รองเท้ารุ่นนี้ยังได้ขยายขอบเขตหลักการออกแบบรองเท้าของ On ไปอีกระดับ ความท้าทายของทีมออกแบบคือการนำพื้นรองเท้าด้านนอก (outsole) ที่มีความเป็นรองเท้ากีฬามากๆ มาออกแบบให้เข้ากันกับส่วนบนของรองเท้าหรือ upper ที่ผสมผสานความเป็นรองเท้าวิ่งกับสตรีทแวร์ จนเกิดเป็นรูปทรงใหม่ที่มีความโดดเด่นสะดุดตา และยังสะท้อนให้เห็นรูปทรงของพื้นรองเท้า Speedboard™ ที่ช่วยในการรองรับแรงกระแทกเมื่อเท้าลงสู่พื้นและเพิ่มแรงส่งในการพุ่งทะยานไปข้างหน้า
ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ก็จริง แต่ยังใช้เทคโนโลยีที่แฟนรองเท้า On คุ้นเคย ธิโลอธิบายว่า “วัสดุที่เราใช้ใน Cloud Hi Edge ช่วยเสริมประสิทธิภาพการวิ่งอย่างแท้จริง โดยตัวรองเท้าส่วนบนใช้วัสดุที่ถ่ายเทอากาศได้ดีและน้ำหนักเบามาก ในขณะที่พื้นรองเท้าอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยในการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็น CloudTec® ที่ให้ความนุ่มนวลยืดหยุ่น และ Speedboard™ ที่ช่วยเพิ่มแรงส่ง รวมถึงความโค้งของพื้นรองเท้าที่มักพบในรองเท้าสำหรับการวิ่งระยะไกล ซึ่งทำให้รองเท้ารุ่นนี้มีรูปทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“แต่ในการออกแบบเราไม่ได้เน้นที่ประสิทธิภาพการวิ่งอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการใช้งานทั่วไปตามวิถีชีวิตของคนเมืองด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือรองเท้าไม่เพียงแต่ดูเด่นสะดุดตา แต่ยังให้ความรู้สึกในการใช้งานที่มีแต่เทคโนโลยีของ On เท่านั้นที่ทำได้”
Cloud Hi Edge คือสนีกเกอร์ที่เกิดมาเพื่อนักสำรวจ ด้วยการออกแบบที่มีอะไรให้คุณค้นพบอีกมาก ผมคิดว่ารองเท้ารุ่นนี้แสดงให้ถึงความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งคุณต้องลองสัมผัสด้วยตัวเอง” ธิโล กล่าวทิ้งท้าย
Cloud Hi Edge เปิดตัวคอลเลคชั่น ultra-limited edition วางขายเฉพาะ 8 ประเทศและใน 20 ร้านค้าเท่านั้น ประเทศไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศในแถบเอเชียที่ได้รับโควต้ามา มีเพียงแค่ 40 คู่ วางขายเฉพาะช้อป Atmos Bangkok สาขา Central World และสาขา Central ลาดพร้าว มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี แบ่งเป็นชาย 2 สี หญิง 2 สี ราคาอยู่ที่ 6,900 บาท สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้