รางวัล “Thailand Most Admired Brand” หรือสุดยอดแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค หมวดอาหารและเครื่องดื่ม (กลุ่มนมพร้อมดื่มยูเอชที) “นมไทย-เดนมาร์ค” ที่ได้รับในงาน 2020 Thailand’s Most Admired Brand เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นรางวัลส่งท้ายในโอกาสหมดวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี 4 เดือนของอดีตคีย์แมนคนสำคัญขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) ที่ชื่อ “ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ” ในฐานะผู้บริหารมืออาชีพได้เข้ามาพลิกโฉมอ.ส.ค. ในหลายด้านที่โดดเด่นสุด คือ การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรบุคคลในองค์กร การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ การติดตั้งเครื่องบรรจุนม UHT แบบไฮสปีดเพิ่ม 2 โรงงาน ที่ขอนแก่นและปราณบุรี กำลังผลิต 24,000 กล่อง/ชั่วโมงซึ่งสูงกว่าเครื่องบรรจุเดิม ที่เป็นแบบโลว์สปีด (Low Speed) กำลังผลิต 7,000-9,000 กล่อง/ชั่วโมงเท่านั้น พร้อมใช้กล่องนมต้นทุนต่ำ ปรับโฉมรูปลักษณ์กล่องใหม่ เป็นแบบ “slim leaf” สร้างทางเลือกผู้บริโภค เพื่อเจาะตลาดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังปรับโลโก้ไอคอนบนกล่องหรือตราสินค้าให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้ที่สำคัญคือการให้ความสำคัญในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโคนมอาชีพพระราชทาน ให้ก้าวสู่อาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า อ.ส.ค. มีแผนวิสาหกิจ 5 ปี ( 2560-2564) เป็นคัมภีร์ในการใช้ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายหลักๆใน 4 ด้านให้สำเร็จภายในปี 2564 คือ 1.ยอดขายต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท 2. สร้างแบรนด์ให้เป็นTop of Mind 3. เป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้อุตสาหกรรมโคนม 4.การยกระดับบริหารจัดการรองรับการแข่งขันในอนาคต ซึ่งทั้งหมด ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สามารถทำสำเร็จก่อนเป้าหมายกว่า 80% เป็นผู้ที่ทำยอดขายจากเดิม 7,000 -8,000 ล้าน/ปีก้าวกระโดดเป็น 10,000 ล้านในปี 2562 ส่วนสร้างแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คให้เป็น Top of Mind ถือว่าทำสำเร็จแล้วเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันนมไทย-เดนมาร์คกวาดมาเก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยสัดส่วน 48% จากมูลค่าตลาดรวม 17,000 ล้านบาทจึงคว้าแหน่งแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคในปัจจุบันไปครอง
นมไทย-เดนมาร์ค ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ทันสมัยเข้าถึงทุก Generation ด้วยสินค้าหลากหลายและช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ในแต่ละปี อ.ส.ค. จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ นมพาสเจอร์ไรส์ และโยเกิร์ตออร์แกนิค ตราไทย-เดนมาร์ค มอร์แกนิค, นมยูเอชที คิดดี, นมยูเอชที ปราศจากน้ำตาลแลคโตส, โยเกิร์ตพร้อมดื่มปราศจากไขมัน พาสเจอร์ไรส์ กลิ่นเสาวรส เป็นต้น ด้วยรสชาติที่หลากหลายเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคจนปัจจุบันนมไทย-เดนมาร์คมีสินค้ามากกว่า 80 ชนิด ในเวลาเดียวกันก็ได้เพิ่มช่องทางการขายให้ครอบคลุมโดยเฉพาะการสร้างช่องทางระหว่าง Traditional Trade (TT) และ Modern Trade (MT) ให้มีความสมดุลด้วยการเข้าไปดูแลด้านการตลาดให้กับช่องทาง (TT ) ทำให้ยอดขายจากช่องทางดังกล่าวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากเดิม (MT) มีสัดส่วน 65% ซึ่งจุดนี้ส่งผลทำให้มาร์เก็ตแชร์ของไทย-เดนมาร์ค เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งยังได้จับมือกับ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้าน แมคโดนัลด์ นำผลิตภัณฑ์นมยูเอชที ตราไทย-เดนมาร์ค 3 รสชาติหลัก คือ รสจืด รสหวาน และรสช็อกโกแลต จำหน่ายในร้านแมคโดนัลด์ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย และกลุ่มเป้าหมาย อายุ 15-20 ปี
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ไทย-เดนมาร์ค เพิ่มช่องทางขายใหม่ผ่านโมเดลร้านไทย-เดนมาร์ค Milk Shop จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไทย-เดนมาร์ค และให้บริการเมนู นมสดเย็น นมสดปั่น และไอศกรีม Soft Serve และขนมปังปิ้งในราคาย่อมเยา ในสถาบันการศึกษาชั้นระดับมัธยมถึงมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม เพื่อให้เด็กนักเรียนนักศึกษาได้บริโภคนมอย่างต่อเนื่อง และร้านไทย-เดนมาร์ค Milk Land จำหน่ายเครื่องดื่มและไอศกรีม ในรูปแบบแฟรนไชส์ ไม่เพียงแต่เป็น Touch Point ในการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงแล้ว ขณะเดียวกันยังเป็นเหมือน Lab พัฒนา และทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
จะเห็นได้ว่า แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา (แผนวิสาหกิจ 5 ปี 2560-2564) ถูกดำเนินไปไม่ถึง 4ปี ก็ได้ทำให้ยอดขายไทย-เดนมาร์ค ตีตื้นจนแซงโค้งกลายเป็นผู้นำตลาด โดยยอดขายปีที่แล้วทะลุถึง 10,000 ล้านบาท รวมถึงการขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากเวทีต่างๆ รวมถึง Thailand Most Admired Brand 2020
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่เกิดขึ้นภายใต้ผู้บริหารองค์กรที่ชื่อ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ เขาได้ให้เครดิตพนักงานในองค์กรที่ร่วมมือ ร่วมแรงใจในการร่วมขับเคลื่อน อ.ส.ค. สู่องค์กรที่แข็งแกร่งสามารถก้าวสู้ผู้นำอุตสาหกรรมนมในประเทศและระดับอาเซียนและเพื่อให้ อ.ส.ค. เป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้อุตสาหกรรมโคนม และยกระดับบริหารจัดการรองรับการแข่งขันในอนาคต ดร.ณรงค์ฤทธิ์ ยังได้วางรากฐานการทำงานจากต้นน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสินค้า โดยส่งเสริมกิจการโคนมให้ฟาร์มของเกษตรกรมีคุณภาพมาตรฐานผ่านการสร้างกลุ่มเครือข่ายนักส่งเสริมที่ทำงานร่วมกับเกษตรกรและสหกรณ์ในชุมชน และมีแผนเปิดตัว Diary Academy เพื่อผลักดันให้ อ.ส.ค. เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรมโคนมในประเทศไทยและในภูมิภาคเขตร้อน
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนพลิกโฉม อ.ส.ค. สู่องค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมนมที่เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มสร้างนวัตกรรมใหม่ๆของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ให้เกิดความหลากหลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค และมีความทันสมัยสอดคล้องกับตลาดสมัยใหม่ ตลอดจนเป็นผู้ส่งเสริมในการ สืบสาน รักษา ต่อยอด โคนมอาชีพพระราชทาน สู่ความมั่นคง และยั่งยืน ให้อยู่คู่ประเทศไทยสืบไป