ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก เผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ ประจำปี 2563 นำทัพโดย กาแลคซี่ เอ 51 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ถ่ายรูปสวย เลนส์ครบ จบในเครื่องเดียว และกาแลคซี่ เอ 71 ที่ยังคงตอกย้ำจุดแข็งทางการตลาดกับการเป็นสมาร์ทโฟน สเปคเทพของเหล่าเกมเมอร์ ส่งต่อความสำเร็จของ กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ รุ่นแรก อย่าง เอ 50, เอ 70 และ เอ 80 ที่อัพเกรดมาจากกาแลคซี่ เจ เพื่อเจาะกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางสำหรับคนเจเนอเรชัน Z โดยเฉพาะ
กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ คือสมาร์ทโฟนที่อยู่ในกลุ่มตลาดระดับกลาง (Mid-tier market) หรือกลุ่มสมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำกว่า 20,000 บาท ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตและมีการแข่งขันสูงมากในตลาด บริษัทฯจึงให้ความสำคัญทั้งในเรื่องผลิตภัณฑ์ และการสื่อสารการตลาดเป็นอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา ซัมซุงได้ลุยเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานเจเนอเรชัน Z ผ่านหลากหลายกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างความรักในแบรนด์ (Brand Love) พร้อมผลักดันให้สมาร์ทโฟน กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ เป็นที่รู้จักมากขึ้นในคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น งานคอนเสิร์ตทั่วประเทศ งาน กาแลคซี่ เอ แฟนเฟสต์ (Galaxy A Fanfest) หรือ ไทยแลนด์ สคูล สตาร์ (Thailand school star) ที่ซัมซุงจับมือร่วมกับ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GMM Grammy) ในการหาดาวรุ่งหน้าใหม่ในวงการพร้อมกับการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เอ ซีรีส์ (Brand ambassador A series) รวมถึงการดึงขวัญใจวัยรุ่นอย่าง แบล็คพิงค์ (BLACKPINK) มาเป็นแบรนด์เอ็นดอร์สเซอร์ (Brand Endorser) ที่ในปีนี้ยังคงมาร่วมสร้างปรากฏการณ์ให้กับตระกูล เอ ซีรีส์ ซึ่งได้รับผลตอบรับจากกลุ่มผู้ใช้งานเจเนอเรชัน Z เป็นอย่างดี
กลุ่มผู้ใช้งานเจเนอเรชัน Z นั้น เป็นกลุ่มคนที่เกิดและเติบโตมากับยุคดิจิทัล พร้อมเปิดรับการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆ ได้ (Digital in their DNAs) นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป (Best Value for Money) และมีความเชื่อมั่นในตนเอง พร้อมเชื่อว่าสินค้าทุกชิ้นที่ตนเองเลือกใช้สามารถสะท้อนตัวตนของพวกเขาได้ (Authentic) ซึ่งคนกลุ่มนี้ใช้เวลาถึง 9 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน ในการใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในคนกลุ่มนี้โดยแบ่งเป็น ยูทูบ (YouTube) เฟสบุ๊ก (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) และทวิตเตอร์ (Twitter) โดยเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วพบว่าคนกลุ่มนี้ใช้งานยูทูบมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 99.8 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 4-6 ชั่วโมงต่อวัน และรองลงมาคือเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์
“ซัมซุงได้ศึกษาพฤติกรรมของคนเจเนอเรชัน Z และตั้งใจพัฒนา กาแลคซี่ เอ 51 และ เอ 71 ให้เป็นสมาร์ทโฟนสุดเจ๋งที่ครบสุดทุกเรื่องสำหรับทุกคน (Awesome is for Everyone) พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของคนเจนนี้ในทุกๆ ทั้งการแคปเจอร์ริง (Capturing) ที่เน้นฟีเจอร์การถ่ายภาพและวิดีโอตอบโจทย์พฤติกรรมการชอบเล่นโซเชียลมีเดียผ่านกล้องสุดเจ๋ง (Awesome Camera) ด้านการรับชมภาพ (Viewing) ที่มาพร้อมหน้าจอใหญ่ สีสันสวย คมชัด พร้อมรับชมความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างเต็มตา และแบตเตอรี่ที่อึดทนนาน ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน” วิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว
คนเจเนอเรชัน Z มีความชอบที่แตกต่างจากเจเนอเรชันอื่นๆ อย่างชัดเจน เช่น มีพฤติกรรมชอบเล่นเกมสูงกว่าเจนอื่นๆ ถึง 1.6 เท่า ชอบเสียงเพลงและดนตรีมากกว่าเจนอื่นถึง 1.4 เท่า และชื่นชอบการถ่ายภาพมากกว่าเจนอื่นถึง 1.3 เท่า จึงเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทางซัมซุงมุ่งเน้นพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช่เข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้งานกลุ่มนี้อย่างตรงจุด
ซัมซุง กาแลคซี่ เอ 51 สมาร์ทโฟนที่ได้รับการออกแบบเพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของกลุ่มผู้ใช้งาน Gen Z ได้อย่างลงตัว ทั้งเลนส์กล้องหลังอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ครบทุกสไตล์การถ่ายภาพ พร้อมกับนวัตกรรมกล้องใหม่ล่าสุด โหมดมาโคร (Macro) โหมดอัลตร้าไวด์ (Ultra-Wide) โหมดไลฟ์ โฟกัส (Depth Camera) และ โหมดถ่ายวีดีโอกันสั่น (Super Steady Video) ให้ภาพที่ดีที่สุดตอบทุกโจทย์ได้จบในเครื่องเดียว และ กาแลคซี่ เอ 71 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจคอเกมโดยเฉพาะด้วยหน่วยประมวลผลชิปเซ็ตสุดเทพ Snapdragon 730 ทำให้เล่นลื่น เร็ว แรง เต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับเทคโนโลยีจอรุ่นใหม่ Super AMOLED Plus จอใหญ่ สีสวย ภาพสมจริง บางและเบากว่าเดิม
ซัมซุง กาแลคซี่ เอ 51 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่Prism Crush Pink, Prism Crush Blue และPrism Crush Black วางจำหน่ายในราคา 10,490 บาท กาแลคซี่ เอ 71 มีให้เลือก 3 สี คือPrism Crush Black, Prism Crush Blue
และ Prism Crush Silver ราคา 13,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้ว 25 มกราคม นี้
พิเศษ โปรโมชันเปิดตัว เมื่อซื้อ กาแลคซี่ เอ 51 หรือ เอ 71 รับฟรี! ส่วนลด 500 บาท สำหรับซื้ออุปกรณ์สวมใส่ หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ระหว่างวันที่ 25 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2563