เอสซีจี เปิดตัวแบรนด์ “มายด์” (mind) สมาร์ทโฮมโซลูชั่นแรกของไทยที่ตอบโจทย์ Pain Point เหนือกว่าสมาร์ทโฮมทั่วไป เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ ทุกแบรนด์ ใช้ได้ง่าย ใช้ได้ทั้งออนไลน์ – ออฟไลน์ ไม่ต้องเก่งเทคโนโลยีก็ใช้ได้สบายๆ สามารถปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ พร้อมบริการเต็มรูปแบบทั้งก่อน-หลังการขาย 24 ชม. พร้อมส่งแพ็คเกจรองรับความต้องการผู้อยู่อาศัย 4 รูปแบบ เซฟดี-อยู่ดี-ไยดี-ฟีลดี ลุยตลาด B2B, B2C จับมือผู้พัฒนาบ้าน-คอนโด บริษัทรับสร้างบ้าน ส่งมอบแพคเกจสมาร์ทโฮมตอบโจทย์เจ้าของบ้าน จับมือหลากพันธมิตรขยาย IoT Smart Home Ecosystem เล็งเปิดตัว Online Store รูปแบบใหม่ปลายปีนี้ แจ้งเกิด Born in Thailand ปักธงก้าวสู่ผู้นำตลาด IoT Smart Home Solutions ในอาเซียน ตั้งเป้าติดตั้งโซลูชัน 1 แสนหลังในปี 2025 พร้อมขยายสู่ตลาดโลกภายใน 4 ปี
“mind” สมาร์ทโฮมโซลูชั่น ก้าวข้ามทุก Pain Point
เอสซีจี เปิดตัว แบรนด์ “มายด์” (mind) สมาร์ทโฮมโซลูชั่นแรกที่หวังสร้างชื่อให้ไทย ด้วยการเน้นย่ำความเป็นโซลูชั่น Born in Thailand (BiT) ของเอสซีจี ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ “โดยคนไทย เพื่อคนไทย”เพื่อปักธงก้าวสู่โอกาสใหม่ๆ ในรระดับภูมิภาค พร้อมตั้งเป้าขึ้นสู่ระดับผู้นำตลาด IoT Smart Home Solutions ในระดับอาเซียนและระดับตลาดโลกต่อไป พร้อมด้วยจุดขายสำคัญ แบบ “สูงสุดคืนสู่สามัญ” ตอบโจทย์ทุก Pain Point และทุก Consumer Insight ในตลาดสมาร์ทโฮมโซลูชั่น ด้วยการออกแบบที่เข้าใจง่าย เข้าถึงได้สะดวก ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเข้าใจเทคโนโลยีและเป็นมิตรกับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย รวมทั้งประชากรอาวุโสภายในบ้าน ทำให้ “mind” กลายเป็นสมาร์ทโฮมโซลูชั่นที่สามารถก้าวข้ามความเป็น Gadget Geek หรือการเป็น Techny ไปได้สบายๆ แบบ “กระบี่อยู่ที่ใจ” ของชาวยุทธจักร ด้วยว่า สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายกับ ทุกระบบปฏิบัติการ ทั้ง iOS และแอนดรอยด์ และทุกอุปกรณ์สารพัดแบรนด์ที่มีน้าน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ เพียงแต่ติดตั้งอุปกรณ์ของ “mind” เพียงตัวเดียว
ที่สำคัญ “mind” ยังสามารถทำงานได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และมีความสามารถป้องกันความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทั้งนี้ อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer, SCG Digital Office กล่าวถึงที่มาของการเปิดตัว Smart Home Solutions แบรนด์ “มายด์” (mind) โซลูชันเพื่อบ้านอัจฉริยะรูปแบบใหม่ว่า “จากการศึกษา Pain Point ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ตลาดสมาร์ทโฮมมักจะเน้นขายอุปกรณ์ ทำให้ภาพจำในหัวผู้บริโภคบางกลุ่ม คือ สินค้า/ระบบสมาร์ทโฉมใช้งานยาก และเมื่ออุปกรณ์เสียหรือนรวนก็ไม่มีระบบบริการหลังการขายสนับสนุนเท่าที่ควร ทำให้เอสซีจีต้องการก้าวข้าม Pain Point เหล่านี้ พร้อมทั้งเปลี่ยนภาพจำ ด้วยการส่ง mind เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของ IoT Smart Home Solutions ด้วยการนำบริการแบบมืออาชีพครบวงจรมาผสานรวมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ที่เป็น Lazy-Friendly Technology ทั้งยังเป็นโซลูชันแบรนด์แรกในไทยที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ (Device) ได้ไม่จำกัดแบรนด์ ซึ่งจะเอื้อให้ผู้บริโภคใช้งานได้ง่าย สะดวกสบาย เข้าถึงผู้บริโภคทุกเจเนอเรชั่น อีกยังเป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรม Born in Thailand (BiT) ของเอสซีจีที่มุ่งสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ “โดยคนไทย เพื่อคนไทย” จากเอสซีจี ที่เราต้องการปักธงก้าวสู่ผู้นำตลาด IoT Smart Home Solutions ในอาเซียน ตั้งเป้าติดตั้งโซลูชัน 1 แสนหลังในปี 2025 พร้อมขยายสู่ตลาดโลกภายใน 4 ปี”
mind สมาร์ทโฮมโซลูชั่นที่ “มองตาก็รู้ใจ”
การพัฒนา mind จาก Customer Insight ของ SCG Digital Office ที่พบว่า คนไทยบางส่วนยังมีทัศนคติต่อระบบสมาร์ทโฮมว่ามีความยุ่งยากซับซ้อน นี่จึงทำให้เอสซีจีมุ่งมั่นออกแบบสมาร์ทโฮมโซลูชั่นที่ทุกคนเข้าถึงได้ ใช้งานง่าย เหมาะกับคนทุกเจเนอเรชัน ซึ่ง นันทพัชร์ ศรีสุวรรณ Head of Sales and Marketing, SCG Digital Office เปิดเผยเพิ่มเติมว่า
“mind เป็นสมาร์ทโฮมโซลูชั่น ซึ่งออกแบบโดยทีมงานมืออาชีพที่เปรียบเสมือน Sommelier of Smart Home Solutions” ผู้ช่วยที่รู้ใจลูกค้า เพื่อส่งมอบ “คุณค่าการดูแลที่เหนือกว่า” ให้กับผู้อยู่อาศัยแบบ “มองตาก็รู้ใจ” โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องรู้จักสมาร์ทโฮม แต่ได้สมาร์ทโฮมที่ถูกใจ
ให้บริการดูแลตั้งแต่ให้คำปรึกษา ลงพื้นที่จริงถึงบ้านของลูกค้า ตลอดจนประเมินแล้วออกแบบติดตั้งโซลูชันที่จำเป็น และเหมาะกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ต้องประเมินหรือตั้งค่าอุปกรณ์เองให้ยุ่งยาก”
ทั้งนี้ สมาร์ทโฮมโซลูชั่นภายใต้แบรนด์ mind ประกอบด้วย mind Solutions โซลูชันอัจฉริยะรูปแบบ Mobile App และ Home App เชื่อมต่อสั่งการทุกอุปกรณ์สมาร์ทโฮม พร้อมประสานกับทีมงานมืออาชีพดูแลทั้งก่อนและหลังการขายตลอด 24 ชั่วโมง และ mind Device อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) โดยออกแบบแพ็กเกจให้บริการด้านสมาร์ทโฮมโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ 4 รูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งผู้บริโภคสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ ได้แก่
- เซฟดี (Saving) เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานภายในที่อยู่อาศัย ด้วยโซลูชันตรวจจับการทำงาน และควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติด้วย Smart Switch เหมาะสำหรับสายรักษ์โลก
- อยู่ดี (Well-being) เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัย ด้วยคุณภาพอากาศที่ดี ลดมลพิษ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ลดความชื้นในห้องน้ำซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดเชื้อรา เจาะกลุ่มผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
- ไยดี (Caring) ส่งผ่านความห่วงใยไปยังคนในครอบครัว ด้วยโซลูชันดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุ สามารถตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินได้ทันที หรืออุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงโซลูชันดูแลความปลอดภัยรอบบ้าน
- ฟีลดี (Feeling) สร้างสุนทรียะการอยู่อาศัย ด้วยการปรับแสง เสียง กลิ่น ให้เข้ากับทุกอารมณ์ เลือกโหมดสร้างบรรยากาศได้หลากหลาย ทั้งโหมดโรแมนติก โหมดผ่อนคลายยามรับประทานอาหารกับครอบครัว หรือโหมดปลุกพลังงานให้พร้อมกับการทำงาน
any home can be mind, any style can be smart.
จุดเด่นของ mind ที่พัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกช่วงวัยให้มีวิถีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น สอดรับกับกระแสการเติบโตของตลาดบ้านอัจฉริยะที่กลายเป็นจุดขายสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกในปัจจุบัน ด้วย 3 จุดเด่นของ mind ดังนี้
- Completely Integrated โซลูชันที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานระหว่างแอปพลิเคชัน mind ร่วมกับอุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างไม่จำกัดแบรนด์ผ่านสัญญาณ WiFi ให้สามารถเปิด-ปิดการทำงานได้อัตโนมัติ โดยวิเคราะห์และประมวลผลจากข้อมูลการใช้งานของผู้อยู่อาศัย
- Completely Secured มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลผู้อยู่อาศัยกับ Trinity Edge Gateway ระบบ IoT Ecosystem Platform ที่เชื่อมต่อการทำงานของนวัตกรรมต่างๆ ภายในบ้านได้แบบไร้รอยต่อ พร้อมจัดเก็บข้อมูลบน Cloud ประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาและดูแลการทำงานโดยคนไทย ปลอดภัยตั้งแต่ที่ตั้ง Server จนถึงการเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่นๆ ทั้งยังใช้ระบบ SCG ID ระบบการยืนยันตัวตนผู้ใช้งานที่มีความปลอดภัยสูง ใช้งานง่าย สะดวก ปลอดภัยที่มาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์จากเครือเอสซีจี และพันธมิตรชั้นนำ อาทิ ส่วนลดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนลดสินค้าในเครือเอสซีจีโฮม ส่วนลดโรงแรม
- Completely Managed บริการการดูแลเต็มรูปแบบจากทีมงานมืออาชีพของเอสซีจี ตั้งแต่การให้คำปรึกษาการออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการผู้ใช้ พร้อมหลากหลายบริการครบวงจรตั้งแต่ก่อนติดตั้ง ระหว่างติดตั้ง จนถึงหลังติดตั้งพร้อมทีมห้องปฏิบัติการ คอยแจ้งเตือนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีสัญญาณแจ้งเตือนความผิดปกติ และทีมคอลเซ็นเตอร์ให้ความช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
แผนรุกธุรกิจ
อภิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า “เอสซีจี มีแผนนำแบรนด์ mind เจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจ (B2B) ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจออกแบบ และบริษัทรับสร้างบ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับบริษัทต่างๆ เพื่อร่วมกันส่งมอบแพ็คเกจที่ตอบโจทย์บ้านอัจฉริยะของผู้บริโภค และตั้งเป้าขยายการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะที่ลูกค้ารายบุคคล (B2C) จะให้บริการให้คำปรึกษาและติดตั้งสมาร์ทโฮมโซลูชั่นผ่านออนไลน์สโตร์รูปแบบใหม่ ซึ่งเอสซีจีได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรผู้พัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะ คาดว่าพร้อมจะให้บริการในปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน เอสซีจี ยังมุ่งขยาย IoT Smart Home Ecosystem ในประเทศไทย ด้วยการจับมือพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ตั้งแต่หน่วยงานที่ส่งเสริมด้านเทคโนโลยี ผู้พัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการ SME ด้วย ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจะเดินหน้าติดตั้งโซลูชัน mind ในที่อยู่อาศัยกว่า 1 แสนยูนิต และพาแบรนด์ mind ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้าน IoT Smart Home Solutions ในภูมิภาคอาเซียนในปี 2025 แล้วจะขยายสู่ตลาดระดับโลกภายใน 4 ปี”