เถาเป่า (Taobao) กลับมาอีกครั้งกับ เถาเป่า เมคเกอร์ เฟสติวัล (Taobao Maker Festival) เพื่อเฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และการเป็นผู้ประกอบการของเยาวชน โดยงานนี้ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2559 และสำหรับปีนี้จะถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ในวันที่ 29 เมษายนเป็นต้นไป เพื่อนำเสนอแพลตฟอร์มสำหรับผู้ค้าชั้นเลิศบนเถาเป่าให้ได้มาพบปะ และโชว์ไอเดีย รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ แก่ผู้บริโภคแบบออฟไลน์
เถาเป่า เมคเกอร์ เฟสติวัล ประจำปี 2566 จะเป็นการจัดงานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในเชิงของจำนวนเมืองในการจัดแสดงและผู้เข้าร่วมงาน โดยในปีนี้จะถูกจัดขึ้นในช่วงวันหยุดแรงงาน (Labor Day) ใน 10 เมืองสำคัญทั่วประเทศจีน รวมถึงสถานที่จัดงานหลักอย่างหางโจว เซินเจิ้น และ ฉงชิ่งด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของเถาเป่า นิทรรศการในปีนี้ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์พร้อมกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่กำลังมาแรงและเหนือจินตนาการ
แต่ที่พิเศษกว่านั้น คือ งานครั้งนี้จะนำเสนอ 3 ธีมนิทรรศการใน 3 เมือง
ในเมืองแรกอย่างหางโจวมาในธีม “Wonder” ซึ่งจะรวบรวมช่างฝีมือ อาหารแสนอร่อย และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอนิเมะ การ์ตูน และเกมส์
ตามมาด้วยธีม “Technology” ในเมืองเซินเจิ้น ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้เพลิดเพลินกับการค้นหาเทคโนโลยีแห่งอนาคตในด้านต่างๆ อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค และระบบการผลิตอัจฉริยะ
สุดท้าย ธีม “Trends” ในเมืองฉงชิ่งจะนำเสนอและจัดแสดงเทรนด์ใหม่ ๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า ของเล่นจากดีไซเนอร์ ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน
นอกจากการพบปะกันแบบออฟไลน์แล้ว ผู้ค้าส่วนใหญ่ยังสามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าทางออนไลน์แบบเรียลไทม์ได้ผ่านเถาเป่า ไลฟ์ (Taobao Live) ช่องทางไลฟ์สตรีมจากเถาเป่า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมทางออนไลน์สามารถเข้าร่วมนิทรรศการได้จากทุกพื้นที่
ตั้งแต่มีการริเริ่มจัดงานนี้ขึ้น เถาเป่า เมคเกอร์ เฟสติวัลได้ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดเทรนด์ของผู้บริโภคในประเทศจีน โดยในปีนี้ นิทรรศการมุ่งนำเสนอผู้ค้าและผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ต่าง ๆ เช่น การเกิดขึ้นของธุรกิจที่สร้างจากพื้นฐานของความสนใจเฉพาะกลุ่ม การแสวงหาวิถีชีวิตที่แตกต่างของผู้คน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ การเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีการผลิตอาหาร และการค้นพบความงามของชีวิตครอบครัวอีกครั้งในหมู่ผู้ค้าและนักช้อป
ต่อไปนี้ จะเป็นรายการสินค้าเรียกน้ำย่อยจากผู้ประกอบการที่น่าสนใจบางส่วนที่จะถูกนำเสนอในงาน เถาเป่า เมคเกอร์ เฟสติวัล ปีนี้
เทรนด์การบริโภคที่ 1: งานอดิเรก
Starry Ink – หมึก Cold Brew ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: คนไทยหลายคนมักเคยได้ยินชาหรือกาแฟสกัดเย็นมาก่อน แต่หมึกพิมพ์สกัดเย็นล่ะ? Harvey Yu ผู้ก่อตั้ง Starry Ink เกิดในครอบครัววิศวกร เขาเก่งด้านเคมีและหลงใหลเกี่ยวกับหมึกสำหรับปากกาหมึกซึมมาตั้งแต่เด็ก เมื่อรวมความสนใจและความเชี่ยวชาญเข้าด้วยกัน เขาจึงตัดสินใจก่อตั้ง Starry Ink ในห้องแล็บของมหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 18 ปี โดย คำว่า Starry Ink หมายถึง “หมึกที่สวยงามราวกับแสงดาวยามค่ำคืน” นอกจากซีรีย์ Cold brew ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว Starry Ink ยังเปิดตัวหมึกเปลี่ยนสีกว่า 1,000 สี ซึ่งแต่ละสีมีเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่เหมือนใคร
Starry Ink ได้รวบรวมกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ที่ชอบค้นหาประสบการณ์การเขียนที่แตกต่าง และต้องการเพิ่มสีสันและแรงบันดาลใจให้กับชีวิตเช่นเดียวกับทีมผู้ก่อตั้งแบรนด์ ทางแบรนด์ยังได้ขยายไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในยุคปัจจุบันที่ไร้กระดาษและเต็มไปด้วยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Yu หวังที่จะพาผู้บริโภควัยหนุ่มสาวย้อนกลับไปสู่ประสบการณ์การเขียนที่แท้จริงอีกครั้ง นอกจากความตั้งใจนี้ Starry Ink ยังพยายามสร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความต้องการของชุมชนเด็กออทิสติกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมเวิร์คช้อปศิลปะ
เทรนด์การบริโภคที่ 2: ความสุข
Hover Camera – กล้องที่สามารถบินและติดตามคุณ: ZeroZero Technology ได้เปิดตัวกล้องน้ำหนักเบา พกพาสะดวก และพับได้ในชื่อ “Hover Camera X1” ในปี 2565 โดยตัวกล้องมีฟีเจอร์ที่สามารถบินขึ้นและลงจากฝ่ามือใน 3 วินาที รวมถึงโหมดต่าง ๆ อาทิ การโฉบ การติดตาม การบินวน การซูมออก และการถ่ายภาพเหนือศีรษะ ออกแบบมาสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ทัศนศึกษากลางแจ้ง การเดินทางระยะสั้น การพบปะสังสรรค์ และกิจกรรมกีฬา สะดวกสำหรับผู้ใช้ในการพกพาและยังตอบสนองความต้องการในการแชร์รูปภาพบนโซเชียลมีเดียได้ทันที บริษัทเลือกเปิดตัว X1 บน ทีมอลล์ (Tmall) โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่และภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของแพลตฟอร์มในฐานะแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ
ZeroZero Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยสองหนุ่มดีกรีปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด Mengqiu Wang และ Tong Zhang โดยบริษัทมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์โดรนสำหรับผู้บริโภคควบคู่กับโครงสร้างเทคโนโลยีที่ครอบคลุมด้านโดรนพลเรือน และถือสิทธิบัตรอุตสาหกรรมหลักกว่า 120 ฉบับ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน อีกทั้งยังมีสำนักงานในกรุงปักกิ่ง เซินเจิ้น และซานฟรานซิสโก อีกด้วย
เทรนด์การบริโภคที่ 3: สุขภาพ
Moodles – ซูเปอร์ฟู้ดพิมพ์ 3 มิติ[1]: แบรนด์ผู้ผลิตอาหารอัจฉริยะ มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีการผลิตและวัสดุศาสตร์อัจฉริยะระดับไฮเอนด์มาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อสร้างอาหารที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 บริษัทได้รับเงินทุนหลายรอบและสามารถตั้งโรงงานผลิตอาหารอัจฉริยะจากการพิมพ์ 3 มิติได้สำเร็จในช่วงปลายปีที่แล้ว
Ryan Zhu ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งมีพื้นฐานด้านวิศวกรรม มีความหลงใหลในการค้นคว้าเกี่ยวกับการพิมพ์ 3 มิติมานานหลายปี และตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการผสานเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เทคนิคการทำอาหารระดับโมเลกุล และความรู้ด้านโภชนาการสมัยใหม่ แบรนด์ของเขาพยายามหาทางแก้ไขปัญหาทั่วไปของผู้บริโภคที่มักบริโภคคาร์โบไฮเดรตสูง แต่ได้รับโปรตีนและสารอาหารต่ำจากอาหารหลัก โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ในเดือนมีนาคม 2566 Moodles ได้เปิดแฟล็กชิพสโตร์บนทีมอลล์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ผ่านแพลตฟอร์ม
เทรนด์การบริโภคที่ 4: ครอบครัว
Tourist Pet – สเก็ตบอร์ดสัตว์เลี้ยง: วงการสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงประหนึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัว ขณะที่ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงก็มักจะสะท้อนถึงบุคลิกภาพของเจ้าของด้วย จากประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์บนเถาเป่ากว่า 14 ปี และประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซกว่าทศวรรษ Xulong Yang จึงตัดสินใจเปิดร้านค้าบนเถาเป่าในปี 2562 เมื่อเขาประสบปัญหาในการหาซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมกับ เจ้าเฟรนช์บูลด็อกตัวจิ๋วของเขา แบรนด์นี้จึงนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีลักษณะเด่นทางสังคมและการออกแบบที่สะดุดตา โดยเน้นรูปลักษณ์ที่เก๋ไก๋ คุณภาพสูง และมีอัตลักษณ์ชัดเจน เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมีทางเลือกมากขึ้น Yang หวังที่จะสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ประสบความสำเร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า และตั้งตารอโอกาสที่จะขยายไปยังต่างประเทศด้วย
เกี่ยวกับอาลีบาบา กรุ๊ป
พันธกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกแห่งทั่วโลก บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านการค้าแห่งอนาคต อาลีบาบามีวิสัยทัศน์ที่จะให้ลูกค้าได้พบปะ ทำงานและใช้ชีวิตอย่างสมดุลที่อาลีบาบา และตั้งเป้าเป็นบริษัทที่ดีที่ดำเนินกิจการเป็นเวลาอย่างน้อย 102 ปี