‘CPNREIT’ โชว์ฟอร์มแกร่ง Q3/68 กวาดรายได้ 1,613.4 ลบ. คงอัตราเช่าพื้นที่สูงกว่า 91.5% ประกาศจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ 0.2750 บาทต่อหน่วย รับยิลด์สูง 9.5% เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์เพิ่มพอร์ตการลงทุน 2 หมื่นล้านบาทในปี 2569

“ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท” หรือ CPNREIT โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,613.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% YoY หลังรายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่ม 7% รักษาอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงที่ 91.5% และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,006.9 ล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง พร้อมประกาศจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่ 0.2750 บาทต่อหน่วย รับยิลด์สูง 9.5% กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD และ XN 25 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเผยความคืบหน้าปรับปรุงสินทรัพย์ครั้งใหญ่ ลุยแผนยุทธศาสตร์เพิ่มพอร์ตการลงทุน 2 หมื่นล้านบาทในปีหน้า

นางสาวปัทมิกา พงศ์สูรย์มาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม – กันยายน) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) สามารถทำรายได้รวม 1,613.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) รับผลเติบโตจากรายได้ค่าเช่าและบริการที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,608.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1) ธุรกิจศูนย์การค้า มีรายได้ค่าเช่าและบริการ 1,242.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% รับแรงหนุนจากการลงทุนในโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 ตามสัญญาใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้พื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น 10,845 ตารางเมตร และการรับรู้รายได้ค่าสาธารณูปโภคและค่าบริการส่วนกลาง (CAM Charge) จากสัญญาใหม่ของโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล พระราม 2 ซึ่งสามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุงของเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ทั้งนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากการปรับปรุงดังกล่าว รายได้รวมจะเติบโตถึง 11.1%

2) ธุรกิจอาคารสำนักงาน มีรายได้ค่าเช่าและบริการ 261.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากอัตราการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นของสำนักงานยูนิลีเวอร์ เฮ้าส์ และอาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส รวมถึงรับรู้รายได้ค่าสาธารณูปโภคและรายได้ค่าบริการส่วนกลางของอาคารสำนักงานปิ่นเกล้าตามสัญญาใหม่

3) ธุรกิจโรงแรม มีรายได้ค่าเช่า 104.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากการปรับขึ้นค่าเช่ารายปีตามสัญญา และรายได้อื่น จำนวน 3.3 ล้านบา

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 กองทรัสต์ฯ ยังคงรักษาศักยภาพในการสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานเฉลี่ย 91.5% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ที่เพิ่มขึ้นภายหลังการปรับปรุงทยอยแล้วเสร็จ และอาคารสำนักงานเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส ที่มีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่โรงแรมฮิลตัน พัทยา มีอัตราการเข้าพักกว่า 87.8% นอกจากนี้ ศูนย์การค้าที่ CPNREIT ลงทุนมีจำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ย 89% ในช่วงสถานการณ์ปกติ นับว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 86%

กองทรัสต์ฯ ได้ดำเนินการตามแผนการลงทุนที่สำคัญ โดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ได้ชำระค่าสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 (ช่วงต่ออายุ) สำหรับระยะเวลาเช่า 10 ปีแรก (2568-2578) จำนวน 12,853 ล้านบาท และชำระค่าเช่าสำหรับพื้นที่ให้เช่าที่ลงทุนเพิ่มเติมอีก 1,734,56 ตารางเมตร มูลค่า 124 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,977 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ได้กู้ยืมเงินจำนวนรวม 13,500 ล้านบาท เพื่อชำระค่าสิทธิการเช่าดังกล่าว และค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ส่งผลให้กองทรัสต์ฯ ลงทุน 100% ของพื้นที่ให้เช่าในโครงการดังกล่าว

ขณะที่กำไรจากการลงทุนสุทธิทำได้ 1,006.9 ล้านบาทลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งปัจจุบันทยอยแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) กำไรจากการลงทุนสุทธิจะเพิ่มขึ้น 0.2%

กองทรัสต์ฯ ได้พิจารณาจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จากผลการดําเนินงานในไตรมาส 3/2568 ที่อัตรา 0.2750 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ที่ 9.5% เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดของหน่วยทรัสต์ CPNREIT ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 (11.60 บาท/หน่วย) โดยเงินดังกล่าว แบ่งเป็น เงินจ่ายประโยชน์ตอบแทน 0.0691 บาทต่อหน่วย และเงินลดทุน 0.2059 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD และ XN วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 และจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์วันที่ 11 ธันวาคม 2568

นางสาวปัทมิกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ความคืบหน้าการปรับปรุงทรัพย์สินใน 2 โครงการหลัก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ในระยะยาว ได้แก่

1) โครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ปรับโฉมใหม่ โดยมุ่งเน้นเป็น Gastronomy Hub หรือ ศูนย์กลางการทำอาหารที่มีมากกว่า 200 แบรนด์ ตั้งแต่ Premium, Casual Lifestyle, Grab & Go, Street food และ Family Food Destination นับเป็นโครงการที่จะช่วยสร้างความบันเทิงสำหรับครอบครัวและศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน ด้วยงบประมาณการลงทุนของกองทรัสต์ไม่เกิน 1,100 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลาปรับปรุงตั้งแต่กลางปี 2567 ปัจจุบันคงเหลือการปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลาง เช่น งานระบบ และ Landscape ซึ่งผู้เช่าพื้นที่เริ่มทยอยเข้าแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2568 และเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2569

2) โครงการเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต นำเสนอภายใต้แนวคิด “Local Essence in Modern Twist” สร้างเป็นจุดหมายที่ผู้คนต้องมาเยือนและตอบโจทย์ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวได้ครบวงจร พร้อมเพิ่มแบรนด์ใหม่กว่า 50% รวมถึงแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จแล้ว ด้วยงบประมาณการลงทุนของกองทรัสต์ไม่เกิน 806 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการปรับปรุงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 ถึงกลางปี 2569 ปัจจุบันคงเหลือเฟสสุดท้าย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569

CPNREIT ยังคงตอกย้ำแผนยุทธศาสต์และเป้าหมายระยะยาวในการเพิ่มสินทรัพย์ประเภทศูนย์การค้ามูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาทภายในปี 2569 ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของกองทรัสต์ฯ ได้ประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านบาท และสนับสนุนเป้าหมายในการขยายขนาดสินทรัพย์ (Asset Size) ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 8 ปี ผ่านการลงทุนในศูนย์การค้าใหม่เพิ่มเติมทุก ๆ 2 ปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์