สพฉ. จับมือภาคีเครือข่าย จัด CPR on The Sea โชว์ศักยภาพระบบการแพทย์ฉุกเฉินพื้นที่ EEC

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดกิจกรรม CPR on The Sea โชว์ศักยภาพการปฏิบัติการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ EEC พร้อมจับมือภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนให้มาสัมผัสถึงความพร้อม ความร่วมมือ และกระบวนการจริงในการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ อันเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขและการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ EEC ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้แก่ประชาชน อีกทั้งการรู้จักใช้บริการสายด่วน 1669 และการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างถูกวิธี เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เป็นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มุ่งยกระดับ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราให้กลายเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจชั้นนำของเอเชีย เป็นเขตที่มีประชากรวัยทำงานสูงสุดถึง 68.8% ของประชากรทั้งหมดในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังคราคร่ำด้วยนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นอีกมากมาย ดังนั้น ศักยภาพระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่นี้จึงมีความสำคัญ ด้วยว่า ระบบการแพทย์ฉุกเฉินมิได้หมายความเพียงแค่การช่วยชีวิตเท่านั้น หากแต่หมายถึงการมีสุขภาพดีถ้วนหน้าที่มีผลต่อเนื่องถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมใน EEC และจะนำไปสู่การขยายผลให้กับนักท่องเที่ยว นักลงทุน และประชาชนได้เกิดความเข้าใจและเชื่อมั่น เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

กิจกรรมปฏิบัติการฉุกเฉินในพื้นที่ EEC

ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า กิจกรรมสัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังการปฏิบัติการฉุกเฉิน ในพื้นที่ EEC นี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคีเครือข่าย ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนได้มาสัมผัสถึงความพร้อม ความร่วมมือและกระบวนการทำงานจริงๆ ในการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ อันเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขและการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ EEC ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้แก่ประชาชน ทั้งการรู้จักใช้บริการสายด่วน 1669 และการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างถูกวิธี เพื่อให้สามารถรับมือการสถานการณ์ฉุกเฉินที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ การดำเนินงานของระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ EEC ประกอบด้วย การดำเนินงานของศูนย์รับแจ้งเหตุและจ่ายงานการแพทย์ฉุกเฉิน (สายด่วน 1669) โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง บทบาทการสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินของทัพเรือภาคที่ 1 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) และบทบาทการเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์เฉพาะทางสาขาฉุกเฉินการแพทย์ทางอากาศในพื้นที่ อีอีซี ของโรงพยาบาลชลบุรี พร้อมการจำลองสถานการณ์การลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางบกและทางอากาศ ณ กองการบินทหารเรือ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดระยอง และปิดท้ายด้วยกิจกรรม “CPR on the Sea” อบรมการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ประกอบการร่มเตียง นวดไทย เรือประมง ฯลฯ จำนวน 100 คน ด้วยความร่วมมือของเมืองพัทยา โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และมูลนิธิสว่างมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ พัทยา ณ แพลากร่ม ท่าเรือแหลมบาลีฮาย พัทยา

การให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน

สำหรับการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินนี้ให้บริการผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุและจ่ายงานการแพทย์ฉุกเฉิน (สายด่วน 1669) โดยเบื้องหลังการทำงานนั้นจะมีศูนย์จัดการที่สั่งการด้วยระบบ และจัดระดับความรุนแรงของอาการผู้ป่วย และ

มีการปรับมาตรฐานห้องฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วย “สีเขียว” (อาการไม่รุนแรง) โดยอาจไม่ต้องไปโรงพยาบาลชุมชน แต่จะมีห้องฉุกเฉินตามมาตรฐานในระดับท้องถิ่นที่มีพยาบาลฉุกเฉินและรถพยาบาลเพื่อลดภาระของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน บริการการแพทย์ฉุกเฉินก็ยังมีระบบ Telemedicine  เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถให้คำปรึกษาหรือการรักษาได้จากระยะไกลได้ นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มกลาง NDEMS  (National Digital Emergency Medical Service) ซึ่ง สพฉ.ได้พัฒนาเพื่อเชื่อมต่อรถพยาบาล, หน่วยปฏิบัติการทั้งหมด รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อให้การเข้าถึงการรักษาเป็นไปอย่างเป็นระบบด้วยข้อมูลชุดเดียวกัน และในอนาคต สพฉ.จะมีการลงทุนในระบบ GPS บนรถพยาบาลและการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามได้ว่า รถพยาบาลจะมาถึงในกี่นาที เพื่อสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นในระบบ เนื่องจากทุกนาทีมีความสำคัญในสถานการณ์ฉุกเฉิน  

ระยอง: แบบอย่างที่ดี

ทั้งนี้ ระยองถือเป็นแบบอย่างที่ดี (Best Practice) ในการถ่ายโอนข้อมูลและการบริหารจัดการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยก่อนหน้านี้ได้มีการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ในจ.ระยองให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (อบจ.ระยอง) และมีเว็บเพจที่แสดงผลการปฏิบัติงานของ รพสต. ทั้งหมด เช่น จำนวนเจ้าหน้าที่ งบประมาณ โครงการ และจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา มีการจัดทำข้อมูลการปฏิบัติงานเผยแพร่เป็นประจำ ฯลฯ และจาก Best Practice ตรงนี้ของจ.ระยองก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ อบจ. ทั่วประเทศควรต้องเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้าง บุคลากร และงบประมาณ เพื่อให้สามารถจัดการบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด