อิมแพ็ค เมืองทองธานี รุกเปิดตัวแพ็คเกจใหม่ IMPACT NEXT เฟ้นหาผู้จัดงานหน้าใหม่ ไอเดียดี เปิดกว้างทั้งการจัดงานแสดงสินค้า ประชุมสัมมนา จับคู่ธุรกิจการค้า รับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่พร้อมเสิร์ฟถึงภายในเมืองทองธานีกลางปี 68 ตอบโจทย์การเดินทางที่สะดวก รวดเร็วกว่าเดิม ชูสิทธิพิเศษ 6 ต่อ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท หวังสร้างสีสัน เพิ่มยอดผู้ใช้บริการศูนย์ฯ ให้คึกคัก
ภาพรวมตลาดไมซ์ดี
สำหรับภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยนั้น นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567ต่อเนื่องถึงต้นปีนี้จำนวนยอดการจัดงานของศูนย์ฯ เพิ่มขึ้นในทุกประเภททั้งการจัดงานกลุ่มอินเซนทีฟ คอนเสิร์ต ประชุมสัมมนา รวมถึงยอดจองจัดงานจากต่างประเทศที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง คาดว่า ภาพรวมรายได้ปี 2567 (เมษายน 2567 -มีนาคม 2568) จะเติบโต 25% ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมหนุนให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยโดยรวมคึกคักขึ้นด้วยเช่นกัน
รับอานิสงส์สายสีชมพู
ทั้งนี้ เมื่อโฟกัสเฉพาะศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ต้องถือว่า ที่นี่จะได้รับอานิสงส์อย่างมาก จากการเปิดตัวของรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ซึ่งจะให้บริการได้ถึงภายในโครงการเมืองทองธานีภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ประกอบด้วย ส่วนการก่อสร้างทางเชื่อมต่อ (Sky Entrance) และสถานีรถไฟฟ้า MT-01 สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี บริเวณอาคารชาเลนเจอร์1 ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 90% และ คาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการมากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์การเดินทางของผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี และจะช่วยดึงดูดให้ทรฟาิก (traffic) ของผู้เข้าชมงานคึกคักมากขึ้นด้วย
เปิดตัว IMPACT NEXT
ขณะเดียวกัน ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ทางศูนย์ฯ ได้เปิดตัวแพ็คเกจใหม่ IMPACT NEXT เปิดกว้างสำหรับผู้จัดงานหน้าใหม่ หรือผู้ที่มีไอเดียสร้างสรรค์อีเวนต์แนวใหม่ให้เข้ามาจัดงานภายในศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มจำนวนการจัดงาน สร้างความหลากหลายให้แก่งานที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการพบประสบการณ์แปลกใหม่ และกระตุ้นให้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ มากขึ้น
ทั้งนี้ นายพอล กล่าวเพิ่มเติมว่า อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้วางตำแหน่ง (Positioning) ของตนเองเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้จัดงานที่พร้อมจะสร้างพลังผนึก (Synergy) และเติบโตไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างรายได้แบบ Win-Win ไปด้วยกัน ดังเช่นเป้าหมายที่บริษัทใช้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือ Partnership for Success เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมที่พร้อมเอื้อให้การจัดงานเป็นไปอย่างราบรื่น สะดวก และด้วยต้นทุนที่เหมาะสม สมเหตุสมผล (Reasonable Cost) รวมทั้งมีขนาดของห้องประชุมอย่างหลากหลายให้เลือกสรร
นางอัจฉราวรรณ ศุภางคะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า แพ็คเกจ IMPACT NEXT เน้นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ ผู้มีไอเดียสร้างสรรค์ แต่ไม่มีประสบการณ์การจัดอีเวนต์ทุกรูปแบบ ทั้งการจัดงานแสดงสินค้า ประชุมสัมมนา จับคู่ธุรกิจการค้า โดยแพ็คเกจ IMPACT NEXT จะให้สิทธิพิเศษสูงถึง 6 ต่อ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2568 โดยติดต่อได้โดยตรงที่ 02-833-5252 และอีเมล Marketinginfo@impact.co.th
สำหรับสิทธิพิเศษ 6 ต่อ ประกอบด้วย
- ต่อที่ 1 ทีมงานที่ปรึกษาวางแผนการจัดงานเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะให้คำปรึกษาแนะนำตลอดการจัดงาน ตั้งแต่การเริ่มต้นวางแผน บริหารจัดการด้านงบประมาณ การสื่อสารประชาสัมพันธ์
- ต่อที่ 2 สื่อประชาสัมพันธ์งานทั้งภายในศูนย์ฯ และพื้นที่โฆษณาย่านธุรกิจกลางกรุงเทพมหานคร
- ต่อที่3 ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่จัดงานในราคาพิเศษ
- ต่อที่ 4 จอแอลอีดีขนาดใหญ่
- ต่อที่ 5 เวทีการจัดแสดงงาน
- ต่อที่ 6 พรีเมียมคอฟฟี่เบรก (สำหรับ 20 ท่าน)
เทรนด์การจัดงานไมซ์
นายพอลกล่าวว่า “อุตสาหกรรมไมซ์โดยรวมตอนนี้ถือว่าฟื้นกลับมาจากผลกระทบโควิด-19 แล้ว สะท้อนจากยอดนักเดินทางไมซ์นานาชาติที่บินเข้าสู่ไทยที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มการจัดงานในประเทศก็ดีขึ้น โดยกลุ่มการจัดงานแสดงสินค้า การเจรจาธุรกิจ เจาะกลุ่ม B2B (Business-to-Business) ยังเดินหน้าต่อได้ เพราะกลุ่มธุรกิจใหญ่คึกคักขึ้น
ขณะที่กลุ่ม SME ที่ใช้ระยะเวลาหลังจากรับผลกระทบหนักในช่วงโควิดก็ฟื้นกลับมาแล้วในปีนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี
ส่วนกลุ่มงานที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง (B2C: Business-to-Customer) ถือว่าค่อนข้างเหนื่อย เพราะทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว ทั้งความสนใจผู้บริโภค เทคโนโลยี อีกทั้งยังมีปัจจัยที่น่าห่วง คือ รายได้ที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น กำลังซื้อทรงตัว ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นส่งผลให้ผู้จัดต้องปรับกลยุทธ์ในหลายส่วน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจสีสันให้แก่งานมากขึ้น และส่งผลให้เทรนด์การจัดงานเป็นแนวให้ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ ควบคู่ไปกับการขายสินค้าบริการรูปแบบเดิมเพียงอย่างเดียว โดยไม่เน้นขนาดการจัดงานที่ใหญ่โตเช่นเดิม ทว่า อาจเน้นที่การเจาะเฉพาะกลุ่ม เฉพาะธีม รวมทั้งเน้นจัดเป็นเฟสติวัล และมีมิติของการจัดงานที่ลึกซึ้ง ครบถ้วนมากกว่าเดิม พร้อมทั้งมองครบทั้งโซ่คุณค่า (Value Chain) เช่น การจัดงาน Coffee Fest ที่ผ่านมาที่มีผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ”
ทั้งนี้ แนวคิดของการจัดงาน ผู้จัดงานต้องปรับตัวให้ได้ และ “จับคลื่น” ให้เข้ากับตนเองให้ได้ ที่สำคัญ ต้อง “เกาะคลื่น” ให้ได้ด้วย เพราะในความเป็นจริงที่แม้สถานการณ์ของโลกออนไลน์จะเติบโตขึ้น แต่การขายแบบเผชิญหน้า (Face to Face) ยังคงมีความสำคัญ เนื่องจากสามาถสร้างปฏิสัมพันธ์กันทั้งสองฝ่ายได้อย่างแน่นแฟ้นมากกว่า