เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติให้ขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 จากผลการดำเนินงานปี 2566 จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 เมษายน 2567 นี้ ในอัตรา 0.055บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 17 เมษายน 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 8 พฤษภาคม 2567
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมายและความแข็งแกร่งทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการทำกำไร ความสามารถในการรองรับความเสี่ยง สถานะสภาพคล่อง และฐานเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ทีทีบีสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรและผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่รวมกิจการ
โดยมูลค่าขององค์กรและผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นได้จากหลากหลายแง่มุม ทั้งในแง่ของมูลค่าหุ้น TTB และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือการยกระดับนโยบายการจ่ายเงินปันผล ซึ่งในปี 2565 ทีทีบีได้ปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้งต่อปี และสามารถปรับอัตราการจ่ายเงินปันผล หรือ Dividend Payout Ratio จากระดับ 30% – 35% ในช่วงก่อนรวมกิจการ ขึ้นมาอยู่ที่ 50% ในปี 2565 และ 55% ในปี 2566 ซึ่งถือว่าสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมธนาคาร
ทั้งนี้ สำหรับรอบผลการดำเนินงานปี 2566 ทีทีบีได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.050 บาทต่อหุ้น เมื่อเดือนตุลาคม 2566 และเตรียมขออนุมัติการจ่ายครั้งที่ 2 อีก 0.055บาท รวมเป็นอัตราเงินปันผลในปี 2566 ที่ 0.105 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 10,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากการจ่ายเงินปันผลในปี 2565 หรือเทียบเท่ากับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield ที่ประมาณ 5.7% – 5.8% ต่อปี ณ ระดับราคาหุ้น TTB ในปัจจุบันที่ประมาณ 1.80 – 1.85 บาทต่อหุ้น
นายปิติ กล่าวในตอนท้ายว่า“พัฒนาการทั้งด้านผลการดำเนินงานและการจ่ายเงินปันผล เป็นเครื่องสะท้อนถึงความตั้งใจของทีทีบีในการส่งมอบผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้น โดยเราจะยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบต่อไป เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับบริหารจัดการส่วนทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารมีความพร้อมสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจ และในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลให้อยู่ในระดับสูงได้ในระยะยาว พร้อมเดินหน้าไปสู่การเป็นธนาคารที่ Make REAL Change เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง”