บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารตราไก่แจ้และข้าวสารตรากระเช้า รวมถึงบริษัท ทีอาร์ ไทยฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตขนมตราแม่นภา ขนสินค้ามาออกบูทในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ที่ไหนๆ ทั่วโลก ก็เลือกใช้ข้าวตราไก่แจ้” พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่เน้นสีสันสดใส ปรับโฉมเพื่อเอาใจผู้บริโภค โดยจะนำไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ลูกค้าข้าวตราไก่แจ้สามารถเข้ามาชมสินค้าได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวั 27 พฤษภาคมนี้ณ บูท 3-I01 ชาเลนเจอร์ 3 (ประตูทางออก 2)
ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงแบรนด์ ไก่แจ้ และบริษัท KJ World Food จัดการเรื่องการส่งออก ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า สินค้าข้าวตราไก่แจ้ยังคงเดินหน้าขยายตลาดให้โตไปพร้อมกับการเติมสินค้าใหม่ๆ สู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีสินค้ากระจายอยู่ทั่วโลกและในประเทศรวมกันกว่า 400 รายการ โดยมีสินค้าข้าวเป็นหลักและมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ที่ส่งออกแล้วและกำลังส่งออก รวมถึงจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
“เรามีสินค้าที่ออกใหม่มาเรื่อยๆ ล่าสุดมีข้าวญี่ปุ่นตัวใหม่ที่เปิดตลาดมาแล้วได้รับการตอบรับดีมากๆ อย่างข้าวญี่ปุ่นเกรดพรีเมียมพันธุ์อาคิตะ และพันธุ์ซาซานิชิกิ ที่ขายในกลุ่มร้านอาหารข้าวญี่ปุ่นทั่วประเทศ และเชนใหญ่ๆ ก็ใช้ข้าวญี่ปุ่นตราไก่แจ้ ซึ่งข้าวตราไก่แจ้จะสะดวกสบายมีให้เลือกมากมายและยังมีบริการส่งฟู้ดเซอร์วิสกระจายไปตามร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงโรงงานที่ใช้ข้าวเลี้ยงพนักงาน ซึ่งแผนปีหน้า เราจะกระจายสินค้าเข้าทุกกลุ่มทุกตลาด ไม่ใช่แค่กระจายข้าวเข้าไป แต่ยังลุยตลาดส่งออกที่เราเติบโตเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาเกือบ 30%”
ในส่วนของสินค้าภายใต้การดูแลของ CEO ข้าวตราไก่แจ้ นอกจากจะมีข้าวสารที่เป็นสินค้าหลักแล้ว ยังมีสินค้าในหมวดอาหารบรรจุถุง ขวด กระป๋อง และอื่นๆ ที่เติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปลากระป๋องยี่ห้อซีเวย์ พริกไทยป่น พริกไทยเม็ด น้ำปลาร้าเติมไทย พริกน้ำปลา พริกแห้ง และยังมีหมวดขนมอื่นๆ อีก เช่น ข้าวต้มมัดแม่นภาขนมที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ หรือสแน็คมันและเกี๊ยวทอด ซึ่งวางจำหน่ายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ การขยายสินค้าหมวดเดียวกัน เช่น อาหารญี่ปุ่น ไม่ได้มีแต่ข้าวญี่ปุ่นให้เลือก แต่ยังมีซอสทงคัตสึ น้ำปรุงซูชิ แบรนด์ “ชาโบะ” ซึ่งมีการปรับแพ็กเกจจิ้งให้ทันสมัย แลดูพรีเมียม เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณภาพอาหารอีกด้วย
“สินค้าในกลุ่มข้าวตลาดโมเดิร์นเทรด เราได้มีการใช้นวัตกรรมในการปรับแพ็กเกจจิงให้ทันสมัยมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้สินค้ามีอายุการเก็บรักษายาวขึ้น เพื่อรักษาคุณภาพและคงความอร่อยไว้”
ธีรินทร์ ยังเล่าถึงการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ใช่แค่การเดินทางไปหาตลาดใหม่ๆ แต่ยังเป็นการเดินทางออกไปหาประสบการณ์ดูวิถีชีวิต อาหารการกิน ออกไปศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อมาวิเคราะห์และประเมินรายละเอียดแบบครบองค์รวม ก่อนจะออกสินค้าให้ตรงใจผู้บริโภค
“เรามีสินค้ากระจายอยู่ใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผมโฟกัสทำในกลุ่มของการสร้างแบรนด์ข้าวตราไก่แจ้ให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มลูกค้า OEM ที่เราทำให้กับลูกค้า ความพิเศษคือ ผมพยายามลงลึกไปถึงเรื่องการทำแพ็กเกจจิงให้แมตช์กับแต่ละประเทศที่ส่งไป ทั้งโทนสี อารมณ์ของสี ในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน เราศึกษาจากตลาด ลงพื้นที่เข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต ไปในสถานที่ต่างๆ จะเห็นได้ว่าแต่ละที่ชอบประมาณไหน คนไทย ยุโรป อเมริกา จะชอบกันคนละแบบ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราเดินทางและเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆ เป็นความรู้ที่เรานำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา อย่างยุโรปชอบความนุ่ม ความเท่ ลุ่มลึก คุมโทน นิ่งๆ แต่อเมริกาชอบสว่าง สดใส นอกจากตลาดส่งออกในยุโรป อเมริกา ยังมีที่ แอฟริกา ตะวันออกกลาง อินเดีย สิงคโปร์ และเอเชียบางส่วน และในอนาคตเราจะไปทำตลาดที่จีน ตอนนี้อยู่ในกระบวนการขออนุญาตจากประเทศจีนในการส่งออก”
นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าส่งออกที่ไม่ใช่ข้าว ยังมี เส้นก๋วยเตี๋ยว พริกป่น พริกแห้ง น้ำปลาร้า ปลากระป๋อง พริกไทย ตัวนี้เป็นตลาดที่ส่งออกที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จึงพยายามหาสินค้าใหม่ๆ มาตอบโจทย์ลูกค้า เช่น น้ำปลาพริกสำหรับตลาดในประเทศและส่งออกบางส่วน ไฮไลต์คือน้ำส้มปรุงรส พริกน้ำตาล ลูกค้าตอบรับดีมากในตลาดต่างประเทศ
จากบทสัมภาษณ์นี้จะเห็นได้ว่า CEO หนุ่มคนนี้พยายามผลักดันสินค้าเกษตรของไทยออกสู่เวทีโลก โดยมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่า สินค้าไทยยังเติบโตและไปต่อได้ ในฐานะที่ส่งออกข้าวแบรนด์ไทยไปไกลในต่างแดนมองว่า ข้าวไทยถ้าเทียบเรื่องคุณภาพยังนับว่าเป็นที่หนึ่ง สำหรับข้าวไทย จะเห็นได้จากการเติบโตของข้าวตราไก่แจ้ ที่โตต่อเนื่องในทุกปี
กล่าวมาถึงตรงนี้จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นมากว่า CEO ข้าวตราไก่แจ้ ไม่ได้ทำสิ่งใหม่จากที่ตลาดมีอยู่แล้ว แต่ทำสิ่งที่มีอยู่แล้วในตลาดให้มีความน่าสนใจ มีคุณภาพ มีความแตกต่าง เพิ่มการยอมรับ ขยายตลาด จนได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ นั่นเพราะผู้บริหารท่านนี้อยู่กับคำว่า ‘เราไม่หยุดพัฒนาและไม่หยุดปรับเปลี่ยน เพื่อก้าวนำโลกไม่ใช่ก้าวตามโลก’