อิมแพ็ค รุกหนักธุรกิจร้านอาหาร ชู 2 กลยุทธ์หลักปั้นรายได้ ปรับโฉมร้านอาหารบนพื้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพิ่มความแปลกใหม่ ส่งแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ สึโบฮาจิ –ร้านกาแฟเชนฮ่องกง เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ ขยายสาขานอกศูนย์ฯ เพิ่มรายได้จากธุรกิจร้านอาหารทุกรูปแบบทั้ง บริการเคเทอริ่ง เดลิเวอรี่ ตั้งเป้าปี 2569 รายได้ธุรกิจร้านอาหารทะลุ 3,000 ล้านบาทตามแผน
พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี และร้านอาหารในเครือจำนวน 19 แบรนด์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจร้านอาหารของไทยเติบโตขึ้น จากปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก รวมถึงผู้บริโภคในประเทศก็ออกมาใช้ชีวิต จับจ่ายใช้สอย รับประทานอาหารนอกบ้านตามปกติมากขึ้น ซึ่งข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ธุรกิจอาหารในไทยปีนี้จะเติบโต 2.7-4.5% จากปี 2565 หรือมีมูลค่าประมาณ 4.18-4.25 แสนล้านบาท
ปัจจุบันพื้นที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีจำนวนการจัดงาน ผู้คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านอาหารในเครือก็เติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 19 แบรนด์ รวม 32 สาขา แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มร้านอาหารจีน 4 แบรนด์ ได้แก่ ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน, ฮ่องกง คาเฟ่, ฮ่องกงสุกี้ และ เฮยยิน 2.กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น 2 แบรนด์ คือ สึโบฮาจิ และไทโช เต ราเมน 3.กลุ่มร้านกาแฟ 2 แบรนด์ ได้แก่ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ และอีส คาเฟ่ 4.กลุ่มร้านอาหารนานาชาติ 9 แบรนด์ ได้แก่ ทองหล่อ ,เทอราซซ่า, อีสาน แอ็ท อารีน่า,อีสานจิ้มจุ่ม,แจ็คกี้ ซีฟู้ด,บรีซ คาเฟ่ แอนด์ บาร์,อุวะจิมะ,อิมแพ็ค ฟาร์ม และ Beverage Bar 5.กลุ่มผับและบาร์ รวม 2 แบรนด์ คือ ฟลาน โอเบรียนส์ ไอริส ผับ และ เรโทร บาร์ แอนด์ คาเฟ่
สำหรับทิศทางปีนี้ จะให้ความสำคัญกับธุรกิจร้านอาหารต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่ 2 กลยุทธ์หลัก เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจนี้ ได้แก่
1. การปรับโฉม การขยายสาขาใหม่ โดยร้านอาหารที่อยู่บนพื้นที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะเน้นการปรับโฉมเป็นหลัก เช่น ปรับปรุงร้านใหม่ จัดโซนร้านอาหารตามประเภทอาหารให้ชัดเจน เพิ่มพื้นที่นั่งสำหรับพบปะสังสรรค์ของกลุ่มเพื่อน (Hang Out)ในแต่ละร้านมากขึ้น เป็นต้น เพื่อรองรับกลุ่มผู้จัดงาน ผู้เข้ามาใช้บริการ ร้านอาหารภายในศูนย์ โดยเฉพาะงานระดับอินเตอร์เนชั่นนอล ซึ่งหมุนเวียนเข้ามาจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีเพิ่มขึ้น
การขยายสาขานอกพื้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง จะโฟกัสไปที่ร้านอาหาร 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ สึโบฮาจิ ร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับจากฮอกไกโด โดยได้เปิดสาขาที่ 7 โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และ2.กลุ่มร้านกาแฟ เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ จะเน้นเปิดร้านรูปแบบคีออส (Kiosk)มากขึ้นตามพื้นที่อาคาร สำนักงาน
2 การพัฒนาบริการใหม่ๆจากธุรกิจร้านอาหารมากขึ้น เช่น บริการเคเทอริ่ง บริการเดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์แมน แกร็บ ฟู้ดแพนด้าและโรบินฮู้ด เป็นต้น โดยแต่ละร้านจะนำเสนอเมนูที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง ร้านอาหารไทยทองหล่อ นำเสนอข้าวกล่องทองหล่อในราคาเริ่มต้น 150 บาท ร้านสึโบฮาจินำเสนอเมนูเบนโตะอาหารญี่ปุ่นในราคาเริ่มต้น 80 บาท
“ธุรกิจร้านอาหารแม้มีคู่แข่งมาก แต่ก็มีอัตราการเติบโตขึ้นทุกปีนี้ อีกทั้งขณะนี้ผู้บริโภคก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว อิมแพ็คก็ต้องเพิ่มสีสัน ความแปลกใหม่ให้แก่ศูนย์ฯ ด้วยการให้น้ำหนักกับการพัฒนาร้านอาหารที่อยู่ภายในศูนย์ฯ รองมา คือ การขยายสาขานอกพื้นที่ อยู่ระหว่างการหาพื้นที่ที่เหมาะสมในทำเลต่างๆ ซึ่งการปรับโฉมร้านอาหารใหม่ครั้งนี้ก็สอดรับกับกลยุทธ์การตลาด มุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า (Customer Experience)ในทุกๆส่วน ตั้งแต่การตกแต่งร้าน เพิ่มสีสัน บรรยากาศ การพัฒนาบริการ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งจุดแข็งร้านอาหารเครืออิมแพ็ค คือ ทุกร้านมีเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารแต่ละประเภทประจำร้าน จึงเชื่อมั่นได้ว่า อาหารทุกจานที่ออกจากครัวได้มาตรฐาน เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ประทับใจ”
ขณะเดียวกัน ร้านอาหารเครืออิมแพ็ค ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยเมนูอาหารของร้านอาหารในเครือจะเพิ่มสัดส่วนการใช้ผักและผลไม้ออร์แกนิกจากโครงการเพื่อสังคม “อิมแพ็ค ฟาร์ม” ซึ่งทำหน้าที่รับซื้อผัก ผลไม้ จากภาคีเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ มาใช้เป็นวัตถุดิบในการรังสรรค์เมนูต่างๆมากขึ้น ดังนั้นผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการร้านอาหารเครืออิมแพ็ค จึงมั่นใจได้ว่าได้รับประทานอาหารที่ สด สะอาดและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า การรุกหนักธุรกิจร้านอาหารครั้งนี้ ทั้งการปรับโฉมร้านอาหารภายในศูนย์ฯ การขยายสาขาใหม่นอกพื้นที่ และการแตกบริการใหม่ของร้านอาหาร จะช่วยเพิ่มสีสันให้แก่ผู้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ พร้อมกับขยายฐานลูกค้าใหม่ๆควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้รายได้จากธุรกิจร้านอาหารเติบโตขึ้น ตามแผนที่วางไว้ว่าภายในปี 2569 อิมแพ็คจะมีรายได้จากธุรกิจร้านอาหารเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน