กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดงานแสดงสินค้าอาหารเสมือนจริง THAIFEX -Virtual Trade Show (THAIFEX-VTS) ผ่านแพลตฟอร์ม www.thaifex-vts.com ชูความเป็นแพลตฟอร์มแห่งอนาคตด้วยรูปแบบและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเจรจาธุรกิจ และยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก เดินหน้าจัดงาน 5 วัน ตั้งแต่ 29 กันยายน–3 ตุลาคมนี้ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายตบเท้าเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาการค้าออนไลน์คึกคัก โดยมีผู้ซื้อและผู้นำเข้า 1,433 ราย จาก 99 ประเทศ ด้านผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทย รวม 368 บริษัท
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้าอาหารเสมือนจริง THAIFEX-VTS นับว่ามีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มของไทยที่กำลังมองหาผู้ซื้อต่างประเทศ และจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์แห่งอนาคตที่พร้อมสำหรับการเจรจาธุรกิจได้เต็มศักยภาพ และสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“งานแสดงสินค้าในลักษณะเสมือนจริงแบนนี้จะเป็นเทรนด์การจัดงานแสดงสินค้ายุคใหม่ภายหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ลดลงหรือยุติ นอกจากนี้ THAIFEX-VTS ยังแสดงให้เห็นถึงการยกระดับของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลกอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย” จุรินทร์ กล่าว
โดยการจัดงาน THAIFEX-VTS ครั้งนี้ DITP ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม www.thaifex-vts.com ให้มีรูปแบบ ฟังก์ชั่น และบริการที่น่าสนใจ ทันสมัย ใช้งานง่าย และหลากหลาย เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขาย โดยสามารถรองรับการแสดงผลผ่านอุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบพกพา แท็ปเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ รองรับการเจรจาธุรกิจมากกว่า 4 คนภายใน 1 ห้องเจรจา โดยอนุญาตให้คู่เจรจาสามารถเชิญบุคคลภายนอก อาทิ ล่ามแปลภาษา ผู้มีอำนาจตัดสินใจ เข้ามาในวงเจรจาได้ มีช่องทางการสื่อสารสำหรับประกาศความต้องการซื้อ-ขาย ให้ใช้งาน โดยเพิ่มระบบกระดานสนทนาที่สามารถลงประกาศพร้อมช่องทางการติดต่อ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อกลับไปยังผู้ขายได้ และ มีระบบแนะนำสินค้า/บริษัท ที่ผู้ใช้งานอาจสนใจเข้ามาไว้เป็นทางเลือก โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ผู้ใช้งานได้เลือกไว้ตอนลงทะเบียน
สำหรับกิจกรรมในงาน THAIFEX-VTS นั้น นอกจากจะมีการเจรจาธุรกิจออนไลน์ Virtual – Online Business Matching (V-OBM) ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญในงานแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก อาทิ การจัดแสดงสินค้าในรูปแบบเมืองแห่งสินค้าอาหาร แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ตามโซนสินค้า ในรูปแบบ Virtual Tour ที่ทำให้ผู้ชมงานสามารถเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าเสมืองจริงของผู้ประกอบการทั้ง 368 บริษัทได้แบบ 360 องศา พร้อมรายการสินค้า ข้อมูล แผ่นพับ หรือวิดีโอคลิป เสมือนเดินชมงานแสดงสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง กิจกรรมไลฟ์ภายในงาน Live Streaming ถ่ายทอดกิจกรรมถ่ายทอดสดต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม จากอาคาร Food Amphitheatre รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้แสดงสินค้าได้ถ่ายทอดกิจกรรมไลฟ์ได้ด้วย นอกจากนี้ ผู้นำเข้าที่ลงทะเบียนในระบบของแพลตฟอร์มยังสามารถพูดคุยติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำบูธ เพื่อสอบถามข้อมูลสินค้า หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเจรจาธุรกิจ ผ่าน VDO Call ในช่วงระหว่างการจัดงาน หรือฝากข้อความทาง Chat ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลาย ๆ ประเทศมีแนวโน้มคลี่คลายลง ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอาหารในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสินค้าอาหารไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และมีมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออก ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อและผู้นำเข้า ทำให้อาหารไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เราจึงมั่นในว่าการจัดงาน THAIFEX-VTS ครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ และสามารถกระตุ้นอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งคาดว่าเฉพาะในงานนี้จะสามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายได้ 830 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” จุรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจธุรกิจอาหารและสนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับงาน THAIFEX – VTS หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ สามารถติดต่อได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169 หรือ www.ditp.go.th