“การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” ถือเป็นคำพูดที่ไร้กาลเวลา นำมาใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย และคงไม่มีใครปฏิเสธว่า การมีสุขภาพดี มีค่ายิ่งกว่าการได้ลาภเป็นเงินเป็นทองด้วยซ้ำไป เพราะสุขภาพดีไม่มีขาย หากเสียไปแล้วจะซื้อหากลับคืนมาก็ไม่ได้ แม้จะมีเงินทองมากมาย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้คนทั้งโลก ต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพก่อปัญหาให้เกิดการเจ็บป่วยได้ตลอดเวลา ในขณะที่ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มแพงขึ้นทุกวัน ดังนั้น นอกเหนือจากการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ อีกหนึ่งเกราะป้องกันความเสี่ยงที่ทุกคนควรมีก็คือ “ประกันสุขภาพ” เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในยามเจ็บป่วยโดยไม่คาดฝัน
“ประกันสุขภาพ” เป็นประกันภัยรูปแบบหนึ่งที่ให้ความคุ้มครองต่อสุขภาพร่างกาย โดยบริษัทประกันภัยตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งประกันสุขภาพสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพหมู่ และประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพรายบุคคล
โดยประกันภัยทั้ง 2 ประเภทแม้ว่าจะมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการให้ความคุ้มครองหลักที่เหมือนกันใน 7 หมวด ได้แก่ ความคุ้มครองในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล, ค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัด, ค่าใช้จ่ายแพทย์, ค่ารักษาในส่วนต่าง ๆ, ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร, ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟัน และ การชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการบริการเพิ่มเติม ซึ่งจะเห็นได้ว่าประกันสุขภาพครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่หลากหลายในส่วนการรักษา ซึ่งหากแยกออกมาเป็นแต่ละรายการแล้วค่าบริการในแต่ละหมวดหมู่มีจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลและสถานพยาบาล
ดังนั้น การเลือกซื้อประกันสุขภาพมักจะเจอคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง คือ ต้องซื้อประกันสุขภาพแบบไหน วงเงินเท่าไหร่ ถึงจะตอบโจทย์ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ คือ การเลือกซื้อที่เหมาะสมและครอบคลุมชีวิตทางสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งมีหลายปัจจัยในการพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
· ประเมินความเสี่ยง ตั้งแต่ อายุ, อาชีพ, ประวัติสุขภาพ, เพศ, กรรมพันธุ์, การดำเนินชีวิตในแต่ละวัน และผลตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คำนวณถึงความคุ้มครองและผลประโยชน์ของกรมธรรม์ได้
· ประมาณการจากความต้องการ เช่น เมื่อเราป่วยค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งหรือค่าห้องต้องจ่ายเท่าไหร่, ค่าประกันเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหรือไม่, สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพที่ซื้อไว้มาหักลดหย่อนภาษีประจำปีได้
· ตรวจสอบความคุ้มครองที่มีอยู่ เช่น ความคุ้มครองจากประกันสังคม, กองทุนหรือสวัสดิการของบริษัท
· ประเมินความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน
หากจะตอบคำถามว่า ซื้อประกันสุขภาพอย่างไรให้คุ้มค่าในวันนี้ สิ่งสำคัญที่จะตอบโจทย์ความคุ้มค่า คือ ประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลในอนาคตโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่อาจสูงเกินกำลังที่จะรับไหว ขณะที่การซื้อประกันสุขภาพในแต่ละครั้ง หรือ แต่ละปีนั้นจะเป็นการซื้อตามเกณฑ์มาตรฐานและความคุ้มครองที่แต่ละบุคคลเลือก ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าประกันสุขภาพจะเป็นเกราะป้องกันช่วยบริหารความเสี่ยงอันดับแรก ๆ ที่ทุกคนควรมี แต่ต้องเลือกซื้อประกันสุขภาพที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่าง “คุ้มค่า” ซึ่งควรปรึกษาขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบประกันให้ตอบโจทย์ตามความต้องการ รวมทั้งศึกษาข้อมูลกรมธรรม์ และความเสี่ยงของตัวเราให้มากที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าจริง ๆ โดยสิ่งสำคัญก่อนทำประกันจะต้องไม่ลืมศึกษาเงื่อนไขข้อมูลกรมธรรม์อย่างละเอียด
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม https://bit.ly/3C7IwrS