พร้อมเรียกร้องรัฐบาลพิจารณายกเลิกการห้ามจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ และหันมาใช้มาตรการควบคุมการจำหน่ายที่เหมาะสมแทน
- แนวโน้มการค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนช่องทางออนไลน์ทั่วโลกในปี 2563 เติบโตถึงกว่า 33 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับยอดขายรวมที่ลดลง 6 เปอร์เซ็นต์
- มาตรฐานสากลสำหรับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ของสมาพันธ์เพื่อการดื่มอย่างรับผิดชอบนานาชาติที่ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (DMHT) ให้การสนับสนุนนี้ จะช่วยป้องกันการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์รวมถึงการจัดส่งให้แก่เยาวชนที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ หรือผู้ที่มีอาการมึนเมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- DMHT เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ ในขณะเดียวกัน ขอให้พิจารณานำมาตรฐานสากลมาประยุกต์ใช้ในการควบคุมแทน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย การจ้างงาน สอดคลัองกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทย 4.0 และมาตรการลดการเดินทางและเว้นระยะห่างทางสังคมของรัฐบาล
บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT ผู้นำด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พรีเมี่ยมระดับโลก ร่วมกับ สมาพันธ์เพื่อการดื่มอย่างรับผิดชอบนานาชาติ (International Alliance for Responsible Drinking หรือ IARD) ประกาศเปิดตัวมาตรฐานสากลสำหรับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์และการจัดส่งเป็นครั้งแรกของโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามแบบวิถีใหม่ที่แสวงหาความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยและการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมยกระดับมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในการป้องกันการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่อายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ เพื่อลดปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเป็นอันตราย
ขณะเดียวกัน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณานำมาตรฐานสากลดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการจัดส่งแทนการห้ามจำหน่าย โดย DMHT พร้อมร่วมมือกับภาครัฐบาลและภาคประชาสังคมในการลดปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตราย สนับสนุนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบกิจการรายย่อยให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการฟื้นฟู การเติบโต และการจ้างงานในภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 16 เดือน
มร. จูลส์ นอร์ตัน แซลเซอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากในปัจจุบัน การห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ถือเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบธุรกิจโดยเฉพาะต่อผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งไม่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล มาตรการลดการเดินทางและการเว้นระยะห่างทางสังคมของภาครัฐ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคภายใต้วิถีใหม่ที่หันมาจับจ่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเหตุปัจจัยด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย เราเชื่อว่ามาตรฐานสากลฉบับนี้ช่วยสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินการของผู้ค้าปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์และผู้ให้บริการจัดส่งเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ สอดคล้องกับกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสามารถลดปัญหาการดื่มที่เป็นอันตรายได้ ที่สำคัญ การค้าออนไลน์สนับสนุนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ”
รายละเอียดมาตรฐานสากลสำหรับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์และการจัดส่ง ประกอบด้วย
- พัฒนามาตรการป้องกันและความปลอดภัยในการซื้อขายเพื่อป้องกันมิให้เยาวชนที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- กำหนดกลไกการป้องกันการจัดส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่เยาวชนและบุคคลที่อยู่ในอาการมึนเมา รวมถึงการจัดส่งในสถานที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
- จัดหาอุปกรณ์ ข้อมูล งานศึกษาวิจัย หรือสิ่งจำเป็นอื่น แก่ผู้ให้บริการจัดส่งเพื่อให้สามารถปฏิเสธการให้บริการส่งมอบได้
- ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค รวมถึงควบคุมการซื้อขายให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ส่งเสริมให้มีการนำมาตรฐานสากลฉบับนี้ไปใช้เพื่อสนับสนุนและจัดทำแนวทางในการปฏิบัติการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านช่องทางออนไลน์และการจัดส่งในประเทศต่างๆ โดยสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 จะส่งผลให้เกิดการชะงักงันทางเศรษฐกิจ รวมถึงการหดตัวอย่างรุนแรงของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการทั่วโลก และส่งผลให้ยอดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลกในปี 2563 ลดลงกว่า 6% โดยเปรียบเทียบกับปี 2562 ในขณะเดียวกัน ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านช่องทางออนไลน์และการจัดส่งทั่วโลกกลับเติบโตอย่างรวดเร็ว เพิ่มขึ้นถึง 33%[1] โดยในสหรัฐอเมริกามีอัตราการเติบโตสูงขึ้นกว่า 100% ส่วนบราซิลและแคนาดาอัตราการเติบโตเพิ่มสูงกว่า 300%