ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลุกลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วและรุนแรง นาทีนี้ใครพอมีแรงมีกำลังช่วยเหลือก็หยิบยื่น ส่งต่อให้แก่กัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือป้องกันการติดเชื้อ หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ตลอดจนข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนย มากบ้างน้อยบ้าง แม้กระทั่งรอยยิ้ม เพราะนาทีนี้เราต้องผ่านมันไปด้วยกันให้ได้
ที่ไหนมีผู้เดือดร้อน ที่นั่นมี “ข้าวไก่แจ้”!
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ข้าวไก่แจ้” ระดมข้าวสาร 3 ตัน (3,000 กก.) มอบแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยในโรงพยาบาล 10 แห่ง ในโครงการ“ข้าวไก่แจ้ ซัพพอร์ต ปี2” โครงการที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือไปให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่กับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เท่านั้น ก่อนหน้านี้ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงแบรนด์ “ไก่แจ้” ทำซีเอสอาร์มาโดยตลอด ดังที่ ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด เคยเปิดใจว่า
โครงการ “ข้าวไก่แจ้ ซัพพอร์ต ปี2” ไม่ใช่โครงการเฉพาะกิจ แต่เป็นความมุ่งมั่น เป็นปณิธานของบริษัทสุนทรธัญทรัพย์ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง ความที่อยากทำให้เป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น ใน 2 ปีที่ผ่านมาจึงเปิดโครงการ “ไก่แจ้ ซัพพอร์ต” เพื่อช่วยเหลือและทำในเรื่องซีเอสอาร์ให้กับคนภายนอก โดยเริ่มขึ้นในช่วงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
“ผมมองว่าตรงนี้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ และมองว่าข้าวเป็นส่วนสำคัญ ข้าว 1 ถังสามารถเลี้ยงคนได้เป็นร้อยคน ฉะนั้นสิ่งที่เรามอบให้อาจจะไม่ได้มาก แต่สามารถช่วยเหลือคนได้เยอะ ตอบโจทย์โครงการ “ไก่แจ้ ซัพพอร์ต” ที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนที่ขาดแคลน หรือหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะอย่างไรทุกคนก็ต้องกินข้าว มันสามารถตอบโจทย์และช่วยเหลือตรงนี้ได้ เป็นสิ่งที่บริษัทสุนทรธัญทรัพย์มุ่งมั่นมาโดยตลอด”
กับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ระลอก 3 ธีรินทร์ ยอมรับว่า ครั้งนี้ค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับการระบาดของโควิด-19 สองครั้งที่ผ่านมา
“การดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบต้องเปิดๆ ปิดๆ คนกลัวการติดเชื้อมากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ร้านค้าได้รับผลกระทบมากขึ้น ยอดขายน้อยลง คนเริ่มขาดความเชื่อมั่น ถือว่าครั้งนี้หนักที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านโรงพยาบาล เนื่องจากอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งเคสหนักๆ มีอัตราสูงกว่าครั้งที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ต้องมีเตียงเสริม มีโรงพยาบาลสนามมากมาย เราเห็นว่าในวิกฤตเช่นนี้จำเป็นที่เราต้องรีบส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด” และว่า
“ครั้งนี้เรามองว่าโรงพยาบาลเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เราจำเป็นต้องเข้าไปให้การช่วยเหลือ เพราะเป็นหน่วยงานด่านหน้าที่ต้องมีความเข้มแข็ง และพร้อมที่จะดูแลประชาชน ถ้าเครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือแม้แต่อาหารหรืออะไรก็แล้วแต่ไม่เพียงพอ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง อย่างน้อยข้าวก็สามารถเข้าไปช่วยเสริมตรงนี้ได้ เป็นเสบียงให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และกับผู้ป่วย หรือผู้ที่มากักตัว”
ในเบื้องต้นได้ทยอยส่งมอบข้าวสารตรา “ไก่แจ้” ให้แก่ 10 โรงพยาบาล รวม 2,400 กิโลกรัม และ มอบผ่านโครงการเนชั่นปันน้ำใจอีก 600 กิโลกรัม ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล ประกอบด้วย
- โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
- สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
- คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี จ.สมุทรปราการ
- โรงพยาบาลรามาธิบดี กทม.
- โรงพยาบาลชลบุรี จ.ชลบุรี
- โรงพยาบาลบ้านบึง จ.ชลบุรี
- โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ กทม.
- โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา
- โรงพยาบาลปทุมธานี จ.ปทุมธานี
- โรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี
- โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สำนักการแพทย์ กทม.
อย่างไรก็ตาม การส่งมอบข้าวให้กับฮีโร่เสื้อกาวน์ที่เป็นหน่วยงานด่านหน้าทั้งสิบแห่งไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อคราวเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อ 2 ปีก่อน โรงพยาบาลต่างๆ เกิดการขาดแคลนสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันเพื่อการดูแลผู้ป่วยต่างๆ ข้าวตราไก่แจ้อยู่ในธุรกิจข้าวสารมองว่าน่าจะเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ให้กับทุกที่ จึงมอบข้าวสารให้กับ 10 โรงพยาบาล ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะทุกคนนำข้าวไปหุงกิน ขณะเดียวกันเงินที่เหลือสามารถนำไปใช้ชื้ออุปกรณ์การแพทย์ หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ที่ขณะนั้นกำลังขาดแคลนได้
เช่นเดียวกับการมอบข้าวสารช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือร้านอาหารต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่การค้าขายลำบากมาก ลูกค้าก็น้อย ธีรินทร์บอกว่า อย่างน้อยผู้ประกอบการที่รับมอบข้าวตราไก่แจ้ฟรีไม่ต้องเจียดเงินซื้อข้าว และยังสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบช่วยลดต้นทุนได้ ช่วยให้สถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นดีขึ้น ไม่ต้องเลิกจ้างพนักงาน สามารถค้าขายต่อไปได้
เราต้องการให้ “ข้าวตราไก่แจ้” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่จะลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนเหล่านั้นให้ดีขึ้น
“วันนี้เราเห็นอยู่ว่าบุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อ อยากเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้สู้ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ภาคเอกชนช่วยเหลือได้ เราก็พร้อมเสมอ” กรรมการผู้จัดการบริษัท สุนทรธัญทรัพย์ ย้ำ
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เส้นกราฟยังคงไต่ขึ้นต่อเนื่องอย่างน่าหวาดหวั่น รวมทั้งตัวเลขของผู้ที่มีอาการหนักและผู้เสียชีวิตยังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ธีรินทร์ ยังคงเชื่อมั่นในวัคซีนโควิดว่าจะช่วยดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมาช่วยคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ให้ค่อยๆ จางลง
“วัคซีนน่าจะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และลดอัตราการเจ็บป่วยหนักได้มากขึ้น ยิ่งสามารถกระจายการฉีดวัคซีนโควิดได้เร็ว เศรษฐกิจก็น่าจะฟื้นตัวเร็ว แต่ถ้าปล่อยให้ภาคธุรกิจต้องประสบกับสถานการณ์ที่มีการเปิด-ปิดๆอย่างนี้จะค่อนข้างลำบาก ถ้าภาครัฐสามารถดึงวัคซีนโควิดมาได้เร็ว ผมคิดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะไปต่อได้”
สำหรับโครงการไก่แจ้ ซัพพอร์ตนี้ ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เรามองว่าเราอยากทำให้ “ไก่แจ้ ซัพพอร์ต” เป็นโครงการที่ได้ช่วยเหลือคน ช่วยเหลือประเทศชาติ โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง
“เราอยากจะเป็นหนึ่งในกำลังที่จะได้ช่วยเหลือคนเหล่านั้น แม้จะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ทำให้เขาดีขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราคาดหวังกับโครงการไก่แจ้ ซัพพอร์ตของเรา” ธีรินทร์บอก.