บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2563 มีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทฯ จำนวน 6,669 ล้านบาท พร้อมมีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 3 บาท
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทุนธนชาต หรือ TCAP “กล่าวว่า ในปี 2563 TCAP และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 7,848 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยกำไรสุทธิของบริษัทย่อยต่าง ๆ จำนวน 5,962 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม จำนวน 2,154 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในปีนี้ มีจำนวน 6,669 ล้านบาท ลดลง 38.3% จากปีก่อน โดยสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรปีนี้ปรับตัวลดลง เกิดจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่หดตัวลงอย่างรุนแรง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ประกอบกับที่ปีก่อน TCAP มีกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทลูกที่สำคัญของ TCAP ทั้ง ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ธนชาต ประกันภัย (TNI) และ บล. ธนชาต (TNS) ยังมีผลการดำเนินงานใน 2563 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิในปี 2563 ของ TCAP จะปรับลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอก เนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกภาคธุรกิจ แต่คณะกรรมการและฝ่ายจัดการยังคงมีความมั่นใจว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
คณะกรรมการจึงมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 3.00 บาท โดยแบ่งเป็น เงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติและจ่ายไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 คงเหลือเงินปันผลที่ TCAP จะต้องจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 1.80 บาท รวมเป็นจำนวน 3.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นอัตราที่เท่ากับเงินปันผลของปีก่อนที่ไม่รวมเงินปันผลพิเศษ”
ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2563
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
ในปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 7,848 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจำกผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ที่สำคัญ ดังนี้
- บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหำชน) มีกำไรสุทธิตำมงบกำรเงินรวม จำนวน 1,860 ล้านบาท
- บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหำชน) มีกำไรสุทธิ จำนวน 745 ล้านบาท
- บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหำชน) มีกำไรสุทธิ จำนวน 479 ล้านบาท
- บริษัท ธนชาต เอสพีวี 2 จำกัด มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,878 ล้านบาท
- ส่วนแบ่งกำไรจำกเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสีย มีจำนวน 2,154 ล้านบาท
ส่งผลให้งบกำรเงินรวมมีกาไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 6,669 ล้านบาท ลดลง 4,138 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.29 จากปีก่อน เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควืด-19 ประกอบกับในปี 2562 มีกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้ำงธุรกิจ โดยบริษัทย่อยที่สำคัญ ได้แก่ รำชธำนีลิสซิ่ง ธนชำตประกันภัย รวมถึง หลักทรัพย์ธนชำต ยังมีผลกำรดำเนินงำนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2563 เท่ากับ 6.26 บาท ลดลงจำก 9.43 บาท โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ย (ROAA) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯเฉลี่ย (ROAE) อยู่ที่ร้อยละ 5.24 และ 10.47 ตามลำดับ