จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งให้บริการเป็นปีที่ 20 เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบกับตลาดแรงงานในหลายด้าน ทั้งความต้องการแรงงาน ตลอดจนรูปแบบการทำงาน และการสัมภาษณ์งานที่เปลี่ยนไป สำหรับสถานการณ์ในตลาดแรงงานจากข้อมูลความต้องการแรงงานขององค์กรในจ๊อบไทยแพลตฟอร์ม พบว่า องค์กรมีความต้องการแรงงานในเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 รวมกันอยู่ที่ 346,357 อัตรา (เป็นการนับจำนวนอัตราแบบไม่ซ้ำกัน)
จ๊อบไทยยังเปิดเผยข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นเรื่องโลกการทำงานที่เปลี่ยนไปในยุค Post COVID-19 Pandemic จากคนทำงานทั่วประเทศจำนวน 7,548 คน และสำรวจความคิดเห็นขององค์กรทั่วประเทศจำนวน 1,019 องค์กร พบว่า
- ในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์มีผู้ที่ได้ทำงานที่บ้านเพียง 34.1%
- ผู้ที่ไม่ได้ทำงานที่บ้าน 65.9%
สำหรับผู้ที่ได้ทำงานที่บ้านระบุข้อดีของการทำงานที่บ้านว่า
- ทำให้เขามีโอกาสได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
- มีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น
- ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองในองค์กรได้
- มีช่วงเวลาในการทำงานนานขึ้นกว่าการทำงานในออฟฟิศ
- สามารถจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานดีกว่าในออฟฟิศ
องค์กรยกเลิกสวัสดิการเหตุจากโควิด-19 และกว่า 77% เตรียมขึ้นเงินเดือนในปี 64
สำหรับองค์กรนั้นมีการปรับเปลี่ยนสวัสดิการหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีการเพิ่มสวัสดิการให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ (Work From Home / Remote Working) มากที่สุด เพิ่มสวัสดิการเวลาทำงานสามารถยืดหยุ่นได้ (Flexible Hours) และสวัสดิการเงินกู้ยืม
ส่วนสวัสดิการที่ถูกยกเลิก ได้แก่ กิจกรรมสันทนาการ เช่น งานกีฬาสี งานเลี้ยงสังสรรค์ ท่องเที่ยวประจำปี การให้โบนัส และเงินรางวัลประจำปี /รางวัลพนักงานดีเด่น เป็นต้น
ส่วนอุปสรรคในการทำงานของฝั่งองค์กรที่พบมากที่สุด คือ การสรรหาและว่าจ้างพนักงานใหม่ การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะให้กับพนักงาน การดูแลเรื่องสวัสดิการให้กับพนักงาน การสื่อสารภายในองค์กร และการสร้างความเชื่อมั่นในองค์กรให้กับพนักงาน ตามลำดับ
จากการสัมภาษณ์องค์กรเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า องค์กรที่ให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work From Home) มีรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป เนื่องจากองค์กรมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น เช่น การประชุมออนไลน์ (Video Conference) ทั้งกับบุคคลภายในและภายนอก ทำให้คนทำงานต้องเกิดการปรับตัว การเรียนรู้ เลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ตลอดจนลดขั้นตอนในการทำงาน ลดการใช้เอกสารแบบกระดาษ ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ (New Normal) ขององค์กร
นอกจากนี้ จ๊อบไทยยังได้สำรวจเรื่องค่าตอบแทนของพนักงานในปี 2564 พบว่า
- องค์กรส่วนใหญ่มีแผนปรับขึ้นเงินเดือนตามโครงสร้างปกติ 48.2%
- องค์กรที่มีแผนปรับเงินเดือนแต่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปกติ 28.9%
- องค์กรที่จะไม่มีการปรับเงินเดือน 18.1%
- องค์กรที่ยังไม่ได้สรุปนโยบาย 3.2%
- องค์กรที่ปรับลดเงินเดือนของพนักงานลง 1.6%
ธุรกิจท่องเที่ยว ว่างงานสูงสุดจากเหตุโควิด-19
ผู้ตอบแบบสอบถามฝั่งคนทำงานแบ่งเป็นผู้มีงานทำ 62.7% ผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 23.7% อีก 13.6% เป็นผู้ว่างงานที่เกิดจากเหตุผลอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโควิด-19 โดยผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มผู้ว่างงานที่เกิดจากผลกระทบจากโควิด-19 เป็นผู้ที่ทำงานในประเภทธุรกิจการบริการ ธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจการขายปลีก ตามลำดับ
เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนคนมีงานทำกับคนว่างงานที่ทำงานในประเภทธุรกิจเดียวกัน พบว่าประเภทธุรกิจที่มีผู้ว่างงานเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สูงสุดคือ ธุรกิจการท่องเที่ยว โดยมีสัดส่วนผู้ว่างงานที่เป็นผลกระทบจากโควิด-19 สูงถึง 71.9%
พนักงานกว่า 81% มองหางานใหม่ในปีหน้า
การสำรวจแผนการหางานใหม่ในปี 2564 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีงานทำ พบว่า
- มีผู้ที่จะหาใหม่อย่างจริงจัง 26.4%
- ไม่ได้หาอย่างจริงจังแต่เปิดโอกาสสำหรับงานใหม่ 55.4%
- มีเพียง 18.2% ที่คิดว่าจะไม่หางานใหม่
สำหรับสาเหตุที่พนักงานต้องการเปลี่ยนงาน
- อันดับหนึ่ง ไม่พึงพอใจเรื่องเงินเดือน
- อันดับสอง ไม่มีความก้าวหน้าในสายงาน
- อันดับสาม ไม่พึงพอใจเรื่องสวัสดิการ
- อันดับสี่ ไม่พึงพอใจเรื่องวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมขององค์กร
- อันดับห้า งานที่ทำไม่มีความท้าทาย
ส่วนปัจจัยที่ทำให้อยากทำงานในองค์กรเดิม
- อันดับหนึ่ง มีเพื่อนร่วมงานที่ดี
- อันดับสอง การเดินทางสะดวก
- อันดับสาม เงินเดือนเป็นที่พึงพอใจ
- อันดับสี่ มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี
- อันดับห้า มีสวัสดิการที่ดี
สำหรับคนทำงานที่ไม่มีแผนเปลี่ยนงาน ปัจจัยที่จูงใจให้อยากเปลี่ยนงาน
- อันดับหนึ่ง เงินเดือนสูงขึ้น
- อันดับสอง สวัสดิการดีขึ้น
- อันดับสาม ตำแหน่งงานก้าวหน้าขึ้น
- อันดับสี่ การเดินทางสะดวกขึ้น
- อันดับห้า มีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
คนหางานเร่งเพิ่มสกิลการสมัครงาน ภาษาต่างประเทศ และการเงิน แต่ยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจ
การสำรวจคนทำงานเกี่ยวกับการหางานในช่วงนี้ พบว่า มีคนหางานที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน 47.3% ซึ่งสายงานที่คนต้องการเปลี่ยนไปทำมากที่สุดเป็นสายงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะเฉพาะ
ในช่วงที่ว่างงาน คนหางาน 54.1% เลือกเรียนออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถในการแข่งขัน
- อันดับหนึ่ง เรียนรู้เรื่องการเตรียมตัวหางาน สมัครงาน
- อันดับสอง ภาษาต่างประเทศ
- อันดับสาม การเงิน การลงทุน
เมื่อสอบถามถึงความกังวลในการหางานใหม่
- อันดับแรกที่กังวล คือ เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ 72.6%
- อันดับที่สอง กังวลเรื่องการแข่งขันในตลาดแรงงานที่สูงขึ้น 66.3%
- อันดับสาม กังวลเรื่องความสามารถในการสื่อสารภาษาต่างประเทศไม่เพียงพอ 59.9%
- อันดับสี่ ทักษะความสามารถของตนเองอาจมีไม่เพียงพอ 56.9%
- อันดับห้า กังวลว่าประสบการณ์ในการทำงานไม่เพียงพอต่อการสมัครงานใหม่ 55.7%
สำหรับซอฟต์สกิล (Soft Skills) ที่องค์กรมองหาจากคนทำงานหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า
- อันดับหนึ่ง ความสามารถในการเรียนรู้และเปิดรับสิ่งใหม่ 49.6%
- อันดับสอง ความสามารถในการทำงานเชิงรุก (Proactive) 49.1%
- อันดับสาม การจัดลำดับความสำคัญของงาน 47.6%
- อันดับสี่ การสื่อสารและการถ่ายทอดข้อมูล 45.3%
- อันดับห้า การบริหารเวลา 44.0%
นักศึกษาจบใหม่หวั่นตกงาน บริษัทไม่จ้างเด็กจบใหม่
ด้านนักศึกษาจบใหม่ที่จบการศึกษาในปีนี้มีปัญหาการว่างงานสูง และต้องเจอกับสภาวะการแข่งขันในตลาดแรงงานที่สูงขึ้น จ๊อบไทยจึงสำรวจความคิดเห็นนักศึกษาจบใหม่ที่ยังว่างงานและกำลังหางานทำอยู่จำนวน 1,496 คน พบว่า
- นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางานได้หางานมาเป็นเวลา 1-3 เดือน 44.0%
- หางานมาเป็นเวลา 4-6 เดือน 31.9%
- หางานน้อยกว่า 1 เดือน 9.8%
โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ไม่เคยได้รับการเรียกสัมภาษณ์งาน 36.2% กลุ่มที่ได้รับการสัมภาษณ์แล้วแต่ไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน 35.4%
จากการสอบถามในกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ทั้งหมดว่า ต้องการจะทำงานอยู่ในองค์กรแรกประมาณกี่ปี พบว่า นักศึกษาจบใหม่อยากทำงานในองค์กรแรกประมาณ
- 1-3 ปี 65.5%
- 3-5 ปี 12.7%
- ไม่เกิน 1 ปี 11.2%
- 5 ปีขึ้นไป 10.7%
นอกจากนี้ นักศึกษาจบใหม่ยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตหลังเรียนจบ ดังนี้
- อันดับหนึ่ง กังวลว่าจะหางานทำไม่ได้
- อันดับสอง กังวลเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำจะทำให้บริษัทไม่จ้างงานเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน
- อันดับสาม กังวลเรื่องรายได้จะไม่เพียงพอในการเลี้ยงชีพ
- อันดับสี่ กังวลว่าจะได้งานที่ไม่ตรงกับความต้องการ
- อันดับห้า กังวลเรื่องหัวหน้าเเละเพื่อนร่วมงานจะไม่ดี
จุดมุ่งหมายที่นักศึกษาจบใหม่มีในการทำงาน
- อันดับหนึ่ง ได้ทำงานที่มีเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี 83.6%
- อันดับสอง มีโอกาสได้พัฒนาทักษะและเติบโตในหน้าที่การงาน 82.6%
- อันดับสาม ได้มีเพื่อนร่วมงานที่ดี 61.1%
- อันดับสี่ ได้ทำงานในองค์กรที่มีวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมที่ดี 58.0%
- อันดับห้า ได้ทำงานที่ตนเองรัก 53.4%
เมื่อถามถึงทักษะที่นักศึกษาจบใหม่คิดว่าตัวเองมี
- อันดับหนึ่ง ความสามารถในการเรียนรู้และเปิดรับสิ่งใหม่
- อันดับสอง ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
- อันดับสาม ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น
- อันดับสี่ ทักษะในการใช้งานเทคโนโลยี
- อันดับห้า การบริหารเวลา
และเมื่อจ๊อบไทยสำรวจความคิดเห็นขององค์กรเกี่ยวกับทักษะที่องค์กรใช้พิจารณานักศึกษาจบใหม่เข้าร่วมงาน พบว่าสอดคล้องกับทักษะที่นักศึกษาจบใหม่คิดว่าตัวเองมี คือ
- อันดับหนึ่ง ที่องค์กรจะพิจารณาคือความสามารถในการเรียนรู้และเปิดรับสิ่งใหม่
- อันดับสอง ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
- อันดับสาม การสื่อสาร และการถ่ายทอดข้อมูล
- อันดับสี่ ความคิดสร้างสรรค์
- อันดับห้า ความสามารถในการวิเคราะห์ ประเมิน และวิพากษ์สิ่งต่าง ๆ
สำหรับสายงานที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่มากที่สุดในช่วงนี้ ได้แก่
- อันดับหนึ่ง งานขาย
- อันดับสอง งานช่างเทคนิค
- อันดับสาม งานบริการลูกค้า
- อันดับสี่ งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ
- อันดับห้า งานวิศวกรรม
แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย มีมุมมองต่อตลาดแรงงานและการหางานว่า จากการระบาดของโควิด-19 ภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัวซึ่งส่งผลกระทบกับการจ้างงาน จะเห็นได้ว่าในช่วงที่มีการระบาดหนักและล็อกดาวน์ องค์กรต่าง ๆ ออกมาตรการที่จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท เช่น การปลดพนักงาน การลดสวัสดิการ นอกจากนี้อัตราการเปิดรับสมัครงานลดลงกว่าปีก่อน และจำนวนผู้ว่างงานในตลาดแรงงานมีมากขึ้น ส่งผลให้การสรรหาบุคลากรนั้นมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเว็บไซต์หางานเป็นช่องทางที่องค์กรและคนหางานนิยมใช้มากที่สุด
อีกหนึ่งอย่างที่กระทบกับองค์กรโดยตรงคือเรื่องวัฒนธรรมองค์กร เนื่องจากรูปแบบการทำงานไม่สามารถเข้าไปทำงานด้วยกันได้เหมือนก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการปรับเปลี่ยนสวัสดิการไปตามข้อจำกัดของสถานการณ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับความรู้สึก และความเป็นอยู่ในองค์กรของพนักงาน หลังจากนี้องค์กรจะมีวิธีการอย่างไรที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กร และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ทำให้พนักงานรับรู้และเข้าใจค่านิยมขององค์กร (Core Value) ให้พนักงานมีประสบการณ์ที่ดีเหมือนที่เคยเป็นมา และสามารถสร้างแบรนด์ภาพลักษณ์องค์กร (Employer Branding) ที่ดี ดึงดูดคนให้เข้ามาสมัครกับองค์กรได้ เป็นเรื่องที่องค์กรอาจจะต้องกลับมาพิจารณาและกำหนดแนวทางการทำงานกันใหม่
ส่วนด้านคนหางาน สมัครงาน มีการแข่งขันที่สูงขึ้น เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน คนหางานต้องปรับตัวพร้อมรับกับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน จะมีโอกาสได้งานมากขึ้นถ้าสามารถสร้างจุดเด่นให้ตัวเองน่าสนใจ เช่น การทำเรซูเม่ (Resume) ควรมีการปรับข้อมูลเพื่อนำเสนอตัวเองให้เข้ากับตำแหน่งงานและองค์กรที่เราสมัครมากขึ้น ในการสัมภาษณ์งานควรวางตัวพูดคุยแบบมืออาชีพ และอธิบายถึงประสบการณ์ที่เรียนมาว่าจะสามารถนำไปปรับใช้กับตำแหน่งงานที่สมัครได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้การเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชนเป็นอีกทางที่ช่วยส่งเสริมให้นักศึกษาจบใหม่มีโอกาสได้งานมากขึ้นได้
เราจะเห็นว่า โลกการทำงานมีการเปลี่ยนอยู่เสมอ คนทำงานการต้องพร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้านภาษา ด้านเทคโนโลยี และซอฟต์สกิล (Soft Skills) เพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มความสามารถให้กับตัวเองอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม จากฐานข้อมูลของจ๊อบไทยยังมีตำแหน่งงานจากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่ต้องการหางาน สมัครงาน สามารถใช้งานได้ที่ www.jobthai.com หรือดาวน์โหลด JobThai Application ทั้งในระบบ iOS, Android และ HUAWEI AppGallery