โซนกรุงเทพฯ ตะวันออกถือเป็นโซนถนัดของค่ายบริทาเนีย บริษัทในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ครั้งล่าสุดก็เช่นกัน ค่ายนี้อวดโฉม ‘เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9’ บ้านเดี่ยวลักชัวรี่สไตล์รีสอร์ทเป็นครั้งแรก เติมพอร์ตตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ราคาเริ่มต้น 25-40 ล้านบาท เจาะกลุ่มไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อ ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 หรือพิษเศรษฐกิจ ชูจุดขายเจาะใจผู้บริโภคยุค New Normal ด้วย Private Pool ส่วนตัวทุกหลัง เสริมทัพด้วย Personal Home Services อาทิ ชีวายั่งยืนคลับ จากความร่วมมือกับสมิติเวช สไตล์การตกแต่งที่ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างหรูหราจนไม่อยากออกไปไหน
‘เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9’ ที่เตรียมเปิดขายรอบ VIP วันที่ 28-29 พ.ย.2563 นี้เป็นการขยายอาณาจักรจากบ้านแนวราบสู่เซ็กเมนท์ใหม่ “คฤหาสน์หรู อลัง” โชว์ความงามสง่าของการใช้ชีวิตแบบ Luxurious Life Everyday ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติในสังคมคุณภาพสำหรับครอบครัว
ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เผยว่า “บริทาเนีย (Britania) เติบโตและขยายฐานเซ็กเม้นท์ได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 ปีนั้น บริทาเนียได้ยกระดับการทำตลาดสู่ระดับลักชัวรี่ตามแผนบุกเซ็กเม้นท์ใหม่ของออริจิ้น ซึ่งมีความท้าทายตรงที่เซ็กเม้นท์นี้เป็นตลาดเฉพาะ (Niche Market) ที่ต้องทำความเข้าใจเพื่อพัฒนาฟังก์ชันและดีไซน์ให้มีเอกลักษณ์และสอดคล้องความต้องการของลูกค้าระดับบน จนได้โครงการบ้านเดี่ยวลักชัวรี่ ทำเลพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ ‘เบลกราเวีย’ (Belgravia) ตามชื่อถนนในย่านอันมั่งคั่งแห่งหนึ่งในลอนดอนที่สะท้อนความลักชัวรี่”
Insight ของการเลือกที่อยู่อาศัยของกลุ่มไฮเอนด์นี้ไม่ได้โฟกัสกับพื้นที่หรือตอบโจทย์สมาชิกคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่ความสุขของครอบครัวอย่างแท้จริง
เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท บนเนื้อที่ 23-3-97 ไร่ บนถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ที่ยังคงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมสไตล์ Modern British แฝงกลิ่นอายความคลาสสิกในยุควิคตอเรียนตามแบบฉบับของบริทาเนีย เสริมความโดดเด่นให้ซุ้มประตูด้วยการประดับระฆังแบบอังกฤษและไม้ฉลุลวดลายให้ความรู้สึกหรูหรา โอ่อ่า สะท้อนรสนิยมของผู้พักอาศัยตั้งแต่ทางเข้าโครงการกับ Double Main Gate ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้พักอาศัยสามารถเดินทางเข้า-ออกโครงการได้ 2 เส้นทาง ทั้งฝั่งวงแหวนกาญจนาภิเษกที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี และฝั่งสุขาภิบาล 2 ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์และสนามบินสุวรรณภูมิ
โครงการนี้มีเพียง 65 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25-40 ล้านบาท มีให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่
1.ELLIS บ้านเดี่ยวบนที่ดิน 70 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 360 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องนอนแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 3 คัน
2.WILTON บ้านเดี่ยวขนาด 80 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนแม่บ้าน และที่จอดรถ 4 คัน
3.CHAPEL บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่บนที่ดิน 90 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอย 500 ตารางเมตร ภายในประกอบด้วย 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องพักผ่อนสำหรับครอบครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนแม่บ้าน และที่จอดรถ 4 คัน
ดีไซน์ของบ้านเป็นสไตล์โมเดิร์นผสานบรรยากาศแบบรีสอร์ท พื้นที่ชั้นล่างและห้องนอนใหญ่ใช้กระจกใสแทนผนังทึบ ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในบ้านสามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้าน พร้อม Private Pool ขนาดใหญ่ กว้าง 3 เมตร ยาว 12.5 เมตร และ Buffer Area เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในบรรยากาศร่มรื่น ทำให้สมาชิกในบ้านสามารถใช้เวลาร่วมกัน หรือพบปะสังสรรค์ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในบ้านและรอบบ้าน
ภายในโครงการยังนำระบบไฟฟ้าทั้งหมดลงใต้ดิน เพื่อทัศนียภาพที่สวยงามตลอดการอยู่อาศัย ยกระดับความปลอดภัยด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบกล้อง CCTV ทั่วทั้งโครงการ และสัญญาณกันขโมยที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, ตรวจสอบความผิดปกติได้ตลอดเวลา รวมถึง Belgravia Club ซึ่งมีครบทั้ง Fitness, Private Spa Room รองรับบริการนวดผ่อนคลายและสปา, โซนสำหรับเด็กทั้ง Kids Room และ Playground ไปจนถึงสวนสีเขียวใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายและผ่อนคลายสำหรับทุกคนในครอบครัว
นอกจากนี้ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 ยังมี Personal Home Services และหลากหลายบริการจากพันธมิตรชั้นนำ เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตลูกบ้านหลังเข้าอยู่อาศัย อาทิ Butler บริการดูแลและซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง, ชีวายั่งยืนคลับ (Center for Healthy Aging) จากโรงพยาบาลสมิติเวช บริการให้คำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเรียกรถฉุกเฉินฟรี พร้อมส่วนลดค่ายาและค่าห้องพัก, ส่วนลดอาหารและเครื่องดื่มส่งถึงบ้านจาก S&P, บริการเสริมความงาม นวดและสปาถึงโครงการ รวมถึงสิทธิพิเศษจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ทั้งบริการแท็กซี่รับส่ง ฉีดวัคซีน และกิจกรรมต่างๆ สำหรับสัตว์เลี้ยง
เบลกราเวีย ถือเป็นโปรดักท์หมวดใหม่ที่ค่ายนี้ถือเป็น New S-Curve ที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทแม่อย่างออริจิ้นได้ ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจ ศุภลักษณ์กล่าวว่า
“บริษัทก็ยังคงมุ่งขยายธุรกิจทั้งด้านเซ็กเมนต์และทำเลศักยภาพใหม่ๆ ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตและเดินทางสะดวกเป็นหลัก อย่างกรุงเทพ ฝั่งตะวันตกและโซนอีอีซี อาทิ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ขณะเดียวกัน ก็ทิ้งทำเลเดิมที่เราเป็นเจ้าตลาดอย่างกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกอย่าง สมุทรปราการ สำหรับยอดขายในปีนี้ บริษัทฯ ทำยอดได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,000 ล้านบาทแล้วและคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 5,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ยอดขายของทั้งเครือออริจิ้นก็เป็นไปตามเป้าหมายจึงไม่จำเป็นต้องเร่งเปิดโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มเติม และตั้งเป้าหมายว่า ในปีหน้าเราจะเปิดทั้งหมด 10-12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะมีโครงการใหม่ที่เลื่อนเปิดจากปีนี้ 4 โครงการไปรวมด้วย
สำหรับปีหน้า เราตั้งเป้าว่าจะรุกทำตลาดทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 2-7 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ไบรตัน (Brighton) และ บริทาเนีย (Britania) เนื่องจากปีนี้ได้เปิดโครงการ แกรนด์บริทาเนีย (Grand Britania) และ เบลกราเวีย (Belgravia) ราคา 7-15 ล้านบาทและมากกว่า 25 ล้านบาทไปเพียงพอแล้ว เนื่องจากบริษัทต้องการให้เซ็กเม้นท์ระดับกลางขึ้นบน จนถึง ระดับลักชัวรี่ไม่เกิน 20%ของพอร์ตโปรโฟลิโอ ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทฯ จึงได้เปิดโครงการในระดับกลาง และ ระดับกลางล่าง
สำหรับบริษัท บริทาเนีย จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เติบโตอย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่ง และรวดเร็ว ผ่านการพัฒนาโครงการคุณภาพภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ครอบคลุมหลากเซ็กเมนท์ ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ราคาเริ่ม 25-40 ล้านบาท
2.แกรนด์บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับราคา 7-15 ล้านบาท
3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ราคา 3-7 ล้านบาท
4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝดและทาวน์โฮม ราคา 2-5 ล้านบาท
ณ สิ้นปี 2563 จะมียอดพัฒนาโครงการสะสมทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 16,927 ล้านบาท