ศูนย์กลางการค้าส่งใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟรีค่าเช่า 6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนผู้ประกอบการด้วยช่องทางการค้าส่งภายในประเทศ พร้อมเชื่อมโยงสู่ตลาดนานาชาติอย่างครบวงจร สร้างระบบนิเวศให้กับธุรกิจค้าส่งไทยอย่างยั่งยืน
แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยสมาคมการค้ารวม 11 หน่วยงานในการผลักดันโครงการ “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีช่องทางการค้าส่งภายในประเทศ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงสู่ตลาดค้าส่งนานาชาติอย่างครบวงจร ตลอดจนสร้างระบบนิเวศให้กับธุรกิจค้าส่งไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยความร่วมมือกับ Yiwu – CCC Group ผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู ประเทศจีน เพื่อเพิ่มศักยภาพและเชื่อมโยงช่องทางนำเข้า-ส่งออกสินค้าให้กับผู้ผลิตและผู้ค้าไทยกับตลาดโลก และเป็นการยกระดับขีดความสามารถของประเทศอีกด้วย
กลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาคที่เชื่อมโยงทั้งตลาดและโลจิสติกส์ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการภาคเอกชนซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศจากหอการค้าในภูมิภาค สมาคมการค้า หอการค้าต่างประเทศมีสมาชิกกว่า 100,000 ราย และมีนโยบายในการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งในปัจจุบัน SMEs มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 95% ของภาคธุรกิจรวมของประเทศให้อยู่รอดภายใต้ภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
สภาหอการค้าฯ ยินดีที่ได้ร่วมมือกับ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ในโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับ Regional Hub ในการขยายการค้าสู่ตลาดเดิมและตลาดใหม่ ดังนั้น การเกิดขึ้นของศูนย์ค้าส่งครบวงจรอย่าง AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะช่วยให้คู่ค้าสามารถเจรจาธุรกิจได้ตลอด 365 วัน เสริมศักยภาพให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคอย่างแท้จริงและเป็นการสร้างโอกาสสำคัญให้คู่ค้าได้มาสรรหา (Sourcing) สินค้าในพื้นที่เดียวทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ซึ่งทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังคงเดินหน้าที่จะช่วยเหลือสนับสนุน SMEs ทั้งซัพพลายเชนต่อไป โดยการแสวงหาตลาด ช่องทาง และเครื่องมือทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเชื่อมโยง ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก รวมถึงผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เพื่อส่งเสริมการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างครบวงจร ดังนั้น การพัฒนาโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ให้เกิดขึ้นจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของ SMEs”
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ด้วยปรัชญาการดำเนินธุรกิจเพื่อ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” AWC ตระหนักถึงบทบาทในการมีส่วนร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตลอดจนสังคมและชุมชน ประเทศชาติ โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19 การลงนามความร่วมมือกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้า รวม 11 หน่วยงาน เพื่อเดินหน้าโครงการ “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศูนย์กลางการค้าส่ง ใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนไทยในภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ นำเข้าสินค้า ในการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยช่องทางในการขายสินค้าและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ”
อนันต์ ลาภสุขสถิต หัวหน้าคณะกลุ่มโฮลเซลล์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION สร้างโมเดลรูปแบบตอบโจทย์ผู้ประกอบการเปิดพื้นที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพการค้า โดยไม่เก็บค่าเช่าเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงนี้ อีกทั้งผลักดันให้มีสินค้าจากผู้ผลิตต้นน้ำที่มีคุณภาพในหลากหลายหมวดสินค้า อาทิ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน ของเล่น ของชำร่วย เครื่องเขียน ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน นวัตกรรมการพิมพ์ เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติจากทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมสมาคมการค้าที่สำคัญมาร่วมลงนามเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกของสมาคมต่างๆ ได้ประโยชน์จากโครงการนี้
AEC TRADE CENTER เกิดจากแนวคิดของ AWC ในการพัฒนาศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) และเชื่อมโยงไปยังประเทศจีน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติของอาเซียนครบวงจร ซึ่งปัจจุบันใกล้เสร็จสมบูรณ์วางแผนจะเปิดในต้นปี 2564 แต่ในวันนี้เราพบว่าสถานการณ์โควิดทำลายบรรยากาศการค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยปลุกชีพจรการค้า เราจึงนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนา AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ให้เป็นโครงการแฟล็กชิพของเออีซี เทรด เซ็นเตอร์ ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งแบบวันสต็อป ครบวงจรใจกลางกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกของไทย มีพื้นที่รวมกว่า 30,000 ตร.ม. ที่ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้เติบโตบนเวทีการค้าโลก
ด้วยพื้นที่แสดงสินค้า และศูนย์ SMEs Service Solution (SSS) ซึ่งจะมีสตูดิโอถ่ายภาพเพื่อให้ผู้ค้าสามารถใช้บริการถ่ายทอดสดออนไลน์ (Live Streaming) ห้องประชุม และสัมมนาขนาดย่อม พื้นที่ให้บริการคำปรึกษาด้านธุรกิจ ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า ทั้งภายในประเทศ ระหว่างภูมิภาค และทั่วโลกตลอดทั้งปี
นอกจากนั้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งในภูมิภาคอย่างแท้จริง โครงการยังได้รับความร่วมมือจาก Yiwu หรือ Zhejiang China Commodities City Group Co., Ltd. (CCC Group) ผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู (Yiwu) ประเทศจีน มาเปิดศูนย์นำเข้าและส่งออกที่โครงการ โดยจะมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” เพื่อให้โครงการเป็นศูนย์ค้าส่งระดับภูมิภาค ให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศได้มาเลือกสินค้าที่ไทย และยังเป็นช่องทางช่วยผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านเครือข่าย IC Mall ของอี้อู ซึ่งทั้งหมดนี้พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้”
“นอกจากนี้ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ยังมีช่องทางออนไลน์ อย่างเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น Phenixbox ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้ผู้เช่าของโครงการ สามารถดำเนินธุรกิจแบบออนไลน์ให้ครอบคลุมทั่วโลกได้ในรูปแบบของ O2O ที่เชื่อมต่อออนไซต์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เช่าสามารถมีพื้นที่ขายออนไลน์ในรูปแบบของการขายส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน โดยมีฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ ทั้งเรื่อง การทำใบเสนอราคา การแชทรับส่งข้อความแบบเรียลไทม์ การทำธุรกรรมการเงินแบบออนไลน์ ระบบการขนส่ง และโลจิสติก ฟังก์ชั่นการค้นหาสินค้าอัจฉริยะ และการจัดการซื้อขายในลักษณะกลุ่ม” อนันต์กล่าวเพิ่มเติม
สมาคมการค้าทั้ง 11 หน่วยงานที่ร่วมลงนามครั้งนี้ ประกอบด้วย สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไทย และสมาคมธุรกิจไม้,กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย, สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย, สมาคมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานไทย, สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน, สมาคมการค้านวัตกรรมการพิมพ์ไทย,สมาคมสินค้าตกแต่งบ้านและผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, สมาคมผู้ส่งออก เอสเอ็มอีไทย ทั้งนี้คาดหวังว่าในอนาคตจะมีเครือข่ายสมาคมการค้าเข้าร่วมในโครงการเพิ่มมากขึ้น
ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าส่งระหว่างประเทศอย่างครบวงจร AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะทำหน้าที่สนับสนุนความรู้ผ่านเทคโนโลยีต่างๆ และเชื่อมโยงเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจนำเข้าและส่งออก และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาค CLMVT และจีน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าของภูมิภาค (Sourcing Hub of the Region) เพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้า และผู้ประกอบการที่สามารถหาสินค้าหลากหลายครบครันในราคาต้นทาง พร้อมเครือข่ายออนไลน์เพื่อการค้า เปรียบเทียบราคา และการจัดส่ง แบบครบวงจร
นอกจากนั้น ยังมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” และศูนย์ให้บริการด้านการส่งออกไปยังประเทศจีน “IC Mall” เพื่อช่วยเชื่อมโยงช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน โดยในช่วงเปิดตัวโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า เข้าใช้โดยไม่เสียค่าเช่าพื้นที่เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการขยายช่องทางการค้าส่งในประเทศไทย และเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าส่งไทยกับตลาดค้าส่งนานาชาติในอนาคต