จลาจลที่แผ่วงกว้างในสหรัฐอเมริกาเวลานี้มาจากน้ำผึ้งเดียวจากการจับกุม George Floyd ชายผิวสีวัย 46 ที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ด้วยการกดเข่าที่ลำคอนาน 8 นาทีจนเสียชีวิตได้กลายเป็นประเด็นเรื่องเหยียดสีผิว และ #BlackLivesMatter กับ I can’t Breathe กลายเป็นวรรคทองของคนอเมริกันทั้งผิวขาวผิวสี เพื่อใช่เรียกร้องความยุติธรรม
จริงๆ แล้ว น้ำผึ้งหยดเดียวจะไม่บานปลายถึงเพียงนี้ ถ้าสหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีที่มีวุฒิภาวะเพียงพอ
เดาได้ไม่ยากว่า ถ้าเป็นจอร์จ บุช, บิล คลินตัน หรือ โอบามา เชื่อว่า เราต้องได้เห็นแถลงการณ์ขอโทษประชาชนและประณามการกระทำของตำรวจเลวนี้ พร้อมกับการแสดงออกที่บ่งชี้ได้ถึงความเสียใจเช่นนั้นจริงๆ
แต่นี่คือ ยุคของประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่แสดงบท GOD FATHER และบท ‘ตำรวจโลก’ อยู่ตลอดเวลา
ที่สำคัญ ทรัมป์ เป็นคนที่คิดว่าตนเองถูกตลอดเวล มีความมั่นใจสูงสุดถึงขั้นรั้น ไม่ฟังใคร อีกทั้งพร้อมท้าโลก ท้าชน อีกทั้งยังเป็นคนชอบความรุนแรงระดับฮาร์ดคอร์ ดังนั้น ด้วยคุณสมบัติเช่นว่านี้ เมื่อมีอยู่ในตัวคนระดับประธานาธิบดีที่มีอำนาจกดปุ่มนิวเคลียร์ได้ ก็มีสิทธิ์หวาดเสียวกันได้ทั่วโลกว่า ทรัมป์นี่ละอาจจะเป็นตัวจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สามให้เกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ หากบันดาลโทสะจนหลุดคิว!!
สำหรับกรณีของ George Floyd แทนที่ทรัมป์จะออกแถลงการณ์ขอโทษ แต่ตรงกันข้าม ทรัมป์กลับประกาศว่าจะส่งกองกำลังทหารและตำรวจอาวุธครบมือหลายพันคนเข้าระงับเหตุจลาจลที่เกิดจากความไม่พอใจต่อกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd พร้อมกับขู่ว่า ถ้าใครฝ่าฝืนเคอร์ฟิวจะถูกจับกุม คุมขังและถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
ผิดวิสัย ผู้นำประเทศที่จะต้องทำหน้าที่ดูแลประชาชนในประเทศของตนเอง!
BBC รายงานว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงตำหนิผู้ที่ก่อเหตุจลาจล โดยบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น ‘การก่อการร้ายในประเทศ’ และประกาศว่า ผู้ก่อเหตุจะถูกลงโทษหนักและจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปี
ทรัมป์เริ่มต้นการแถลงด้วยประโยคว่า “ภารกิจอันดับแรกและภารกิจอันสูงสุดของผมในฐานะประธานาธิบดี คือ การปกป้องประเทศอันยิ่งใหญ่นี้และพิทักษ์ชาวอเมริกัน”
แต่ภาวะผู้นำของทรัมป์ก็ถูกสั่นคลอนอีกครั้ง เมื่อม็อบเคลื่อนตัวมาที่ทำเนียบขาวและมีรายงานข่าวว่า ทรัมป์พร้อมภรรยาและลูกถูกพาไปยังห้องหลบภัยขึ้นใต้ดินอย่างเร่งรีบและอยู่ในนั้นนานเกือบ 1 ชั่วโมง แต่เมื่อข่าวถูกเผยแพร่ ทรัมป์คงรู้สึกว่า นี่คือเรื่องเสียหน้าจึงได้แถลง (แก้เก้อ) ว่า ลงไปบังเกอร์จริง แต่ไปตรวจสอบเผื่อว่าจะต้องใช้เท่านั้น แล้วไปในช่วงกลางวัน ก่อนการประท้วงจะรุนแรงขึ้นในคืนเดียวกัน
ดราม่าเกิดขึ้นได้อีก เมื่อทั่วโลกได้เห็นภาพทรัมป์ชูคัมภีร์ไบเบิ้ลที่โบสถ์เซนต์ จอห์น ใกล้กับทำเนียบขาว หลังจากที่ตำรวจเพิ่งใช้กำลังเกินกว่าเหตุ เพื่อสลายการชุมนุมอย่างสงบเพื่อเปิดทาง เพียงเพื่อให้ทรัมป์ได้เดินมาที่โบสถ์อย่างองอาจว่า ไม่เห็นมีอะไร พูดภาษาบ้านๆ ก็คงจะบอกว่า “กูไม่กลัวมึง” แบบอาจารย์หม่อมคึกทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีไทยเคยกล่าวไว้ ซึ่งการเดินลิ่วไปโบสถ์ก็เพื่อให้ทรัมป์ได้ถ่ายรูปคู่กับคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งลูกสาวเตรียมมาให้เข้าฉากโดยเฉพาะ และกลายเป็นประเด็นที่นักบวชระดับสูงหลายคนโจมตีว่าใช้พระคัมภีร์กับโบสถ์เป็นของประกอบฉาก
ปฏิกิริยาต่อต้านทรัมป์เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง แม้แต่ Art Acevedo นายตำรวจจากฮุสตันที่ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า ถ้าทรัมป์พูดอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ไม่ได้ก็หุบปากไปเถอะ … เชื่อว่า คลิปสัมภาษณ์นี้น่าจะถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอเมริกาที่นายตำรวจของรัฐเท็กซัสด่าประธาธิบดีได้อย่างสะใจ ขณะเดียวกัน แบรนด์อย่างไนกี้ก็แสดงออกอย่างชัดเจนผ่านแคมเปญ Don’t Do It เพื่อต่อต้านการเหยียดผิว ฯลฯ และทำให้ตอนนี้กระแสนี้ได้ลุกลามไปทั่วโลก #BlackLiveMatter ชีวิตของคนผิวสีนั้นก็สำคัญไม่ต่างจากคนผิวขาวหรอก … มีเลือดสีแดงเหมือนกัน
คดีของ George Floyd นั้นจิ๊บจ๊อยมากถ้าเป็นคนผิวขาว แค่ใช้แบงก์ปลอม 20 ดอลล่าร์ ถ้าเทียบกับคดีของ รปภ.บ้านเราที่พิมพ์แบงก์ปลอมแล้วไปซื้อพริ้นท์เตอร์เพิ่ม เพราะหวังพิมพ์แบงก์ปลอมเพิ่มให้ได้ 4 แสนบาท เพื่อซื้อรถสักคัน รปภ.คนนี้ก็ถูกตำรวจไทยจับอย่างปกติ ทั้งที่คดีพิมพ์แบงก์ปลอมก็มีโทษทั้งจำทั้งปรับ หนักหนากว่า George Floyd อยู่มาก
เลือกตั้งครั้งใหม่ ทรัมป์จะมาอีกครั้งหรือไม่ แล้วก่อนที่จะต้องเลือกตั้ง ทรัมป์จะเดินหมากเพื่อให้เส้นทางสู่ทำเนียบขาวอย่างไร จะเหยียบบ่าใครโต จะพูดโวเอาดีเข้าตัวอีกเท่าไร คอยดูกันไปเถอะ ว่าแต่คนอเมริกันจะฉลาดขึ้นหรือยัง เพราะชั่วโมงนี้แม้แต่เทพสันติภาพก็คงร้องว่า I can’t Breathe เพราะทรัมป์กระชากเธอลงมาจากแท่นและกำลังกดลำคอเธออยู่!!
NIKE: Don’t Do It แคมเปญร่วมสู้ ‘เหยียดผิว’
กรณีความขัดแย้งที่ฮ็อตสุดจนกลายเป็นจราจลทั่วอเมริกาขณะนี้ และเปิดประเด็นไปทั่วโลก จากการตายของ George Floyd ชายผิวสีวัย 46 ที่เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ขณะถูกตำรวจจับกุมและกดเข่าที่ลำคอนานถึง 8 นาทีจนเสียชีวิต โหมไฟให้ ประเด็นการเหยียดสีผิวถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้งและกระหึ่มไปทั่วโลก อีกทั้งทำให้ #BlackLivesMatter เปรี้ยงอีกครั้งในโซเชียลเน็ตเวิร์ก จากเดิมที่เกิดครั้งแรกในปี 2013 เเคลื่อนไหวพื่อพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ความรุนแรงและการเหยียดสีผิว
ธรรมดาประเด็นอ่อนไหวอย่างนี้ แบรนด์จะไม่กล้าเอามือซุกหีบหรือเลือกข้าง เพราะเสี่ยงที่จะถูกอีกฝ่าย ‘ยำ’ แต่สำหรับครั้งนี้ ไนกี้โดดเข้าทำ For Once, Don’t Do It แคมเปญเลือกข้างความถูกต้อง เพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิว ซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย Wieden + Kennedy Portland นำเสนอนัยยะเชิงสัญลักษณ์ด้วยคลิปวีดีโอที่มีแบคกราวด์สีดำ ตัวหนังสือเจาะขาวเป็นระยะเวลา 4 วันนับแต่การเสียชีวิตของ George Floyd ถือเป็นโฆษณาต่อต้านการเหยียดสีผิวชิ้นใหม่ที่ทรงพลังและได้ใจจริงๆ
Don’t Do It หรือ ‘อย่าทำเลย’ ที่ไนกี้ปล่อยออกมามีข้อความในคลิปที่ว่า อย่ามาแกล้งทำเป็นว่า ไม่มีปัญหาในอเมริกา, อย่าเพิกเฉยต่อการเหยียดสีผิว, อย่ายอมให้มีการเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปจากเรา, อย่าคิดว่าไม่เกี่ยวกับคุณ, อย่านั่งเฉยแล้วเงียบ, อย่าคิดว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราทุกคนจงมาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกันเถิด
ไนกี้มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานและแสดงจุดยืนเพื่อความถูกต้อง แต่เป็นปณิธานของ John Donahoe ประธานและซีอีโอไนกี้ที่เขียนบันทึกภายในถึงพนักงานว่า ในฐานะที่เป็นพลเมืองและเป็นสมาชิกของครอบครัวไนกี้ ขอบอกเลยว่า ไนกี้จะอยู่คนละฟากกับความดื้อรั้น หรือความเชื่อที่ไม่มีเหตุผล ความเกลียดชังและความไม่เสมอภาคในทุกรูปแบบ และเชื่อว่าเราจะสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มพลังให้กับคนอื่นๆ ได้ด้วยการกระทำ รวมทั้งสร้างสังคมที่ดีกว่า
แล้วในครั้งนี้ ไนกี้ก็ได้แสดงจุดยืนนี้อีกครั้ง
ที่มา :
จุฑาทิพ อิงวัฒนโภคา นิตยสาร MarketPlus มิ.ย. 2563