มนัญญา”บุกจีนหาลู่ทางดัน ตลาดนม “นมวัวแดง”


“มนัญญา” ลุยเองนำทัพผู้บริหาร อ.ส.ค. “นมไทย-เดนมาร์ค” หาลู่ทางเปิดตลาดผลิตภัณฑ์นมในประเทศจีน หวังผลักดัน อ.ส.ค. เป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศและเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมนมในอาเซียน ตลอดจนขยายการรองรับการเติบโตน้ำนมดิบของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทย


มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กำลังเร่งผลักดันอ.ส.ค. ให้เติบโตเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทยและเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมนมในอาเซียน โดยนำคณะผู้บริหารระดับสูงขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เดินทางไปศึกษาและสำรวจตลาดผลิตภัณฑ์นม ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหาลู่ทางขยายตลาดผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คในตลาดต่างประเทศให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ที่ Hema Supermarket ที่มีจุดแข็งในการบริหารการขายทางออนไลน์และออฟไลน์ และห้าง Carrefour ซึ่งปัจจุบันจีนได้มีการพัฒนาในเรื่องบรรจุภัณฑ์ ดีไซน์และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์นมที่ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มากหากสามารถส่งออกได้ ก็จะรองรับการเติบโตน้ำนมดิบของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทย ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าความต้องการของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์นมของสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ภายใน​ 5​ ปี​ (ปี2561-2565)​ คนจีนมีอัตราการบริโภคนมเฉลี่ย​ 38​ ลิตร/คน/ปี​ (เฉลี่ยคนไทยบริโภคนม​ 18​ ลิตร//คน/ปี)​ ​โดยนิยมผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน ประกอบกับรัฐบาลจีนรณรงค์ส่งเสริมประชากรภายในประเทศให้หันมาบริโภคนมมากขึ้น ด้วยการให้ความรู้และ ส่งเสริมเด็กนักเรียนดื่มนมในโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน โดยในปี 2560 จีนนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจำนวน 14.85 ล้านตัน

ผู้บริหาร องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)
จากซ้าย ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค.
ศักดิ์ชัย บุญซื่อ ประธานกรรมการ อ.ส.ค.
เทอดไขย ระลึกมูล หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผนงาน อ.ส.ค.

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าหลัก ได้แก่ นมผง ชีส เวย์ ครีม นมสด และโยเกิร์ต สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของสำนักงานศุลกากรจีนพบว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากไทยในปี 60 จำนวน 151,841 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 3.1 แสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งแม้ว่าไทยจะมีข้อจำกัดด้านกฏระเบียบเกี่ยวกับการส่งออกผลิตภัณฑ์นมมายังประเทศจีน แต่ตามข้อตกลงในใบรับรองสุขอนามัยผลิตภัณฑ์นมไทยที่ทำขึ้นกับรัฐบาลจีนโดยอนุญาตให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์นมของไทยที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศที่ปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยนั้นจึงเป็นโอกาสดีของอ.ส.ค.ในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คเพื่อเปิดตลาดในจีน พร้อมกันนี้ ได้ให้นโยบาย อ.ส.ค. ให้เร่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเร่งปรับปรุงคุณภาพให้ตรงตามกฎระเบียบของจีน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คส่งออกไปยังจีนได้

 มนัญญา กล่าวถึงผลดำเนินการผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คในตลาดต่างประเทศด้วยว่า มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2562 ทำรายได้มูลค่ากว่า 957 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักในกลุ่มประเทศ AEC แบ่งเป็น สปป.ลาวมูลค่า 236 ล้านบาท กัมพูชามูลค่า 651 ล้านบาท และเมียนมาร์มูลค่า 70 ล้านบาท ส่วนปี 2563 วางเป้าขยายตลาด 1,200 ล้านบาทและเตรียมเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในตลาดเมียนมาร์และเตรียมเปิดตลาดในเวียดนามและจีน โดยวางเป้าหมายขยายตลาดต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 ต่อปี และเพิ่มสัดส่วนรายได้ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20% ภายในปี 2564 รวมทั้งมีนโยบายให้ อ.ส.ค.เร่งปรับแผนกลยุทธ์เพื่อขยายตลาดและเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ตลอดจนศึกษาและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจและบริโภคนมกันมากขึ้นอีกด้วย และมีแผนผลักดันผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คปักธงในตลาดในจีนให้เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากศึกษาแล้วว่า จีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยประชากรกว่า 1,400 ล้านคนและมีกำลังการซื้อสูง เนื่องจากประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนจีนมีความต้องการซื้อและบริโภคผลิตภัณฑ์นมมากขึ้น และการเลี้ยงโคนมในประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นรูปแบบการเลี้ยงในอาคารและให้อาหาร ซึ่งจะใช้ต้นทุนสูงกว่าเมื่อเทียบกับการเลี้ยงโคนมในฟาร์มถึงร้อยละ 80 ประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียถือเป็นตัวอย่างประเทศที่เลี้ยงโคนมในฟาร์มและปล่อยวัวให้กินหญ้าตามธรรมชาติจึงมีต้นทุนต่ำกว่ามาก

 นอกจากนี้ ภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์นมของประเทศจีนยังค่อนข้างต่ำอยู่ที่ร้อยละ 12.2 ทำให้ชาวจีนนิยมนำเข้านมจากต่างประเทศมากกว่าบริโภคนมในประเทศ ดังนั้นจึงน่าเป็นลู่ทางที่ดีในการเปิดตลาดนมวัวแดงในจีนให้เป็นผลสำเร็จ เพื่อเพิ่มยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คให้เติบโตเป็นที่รู้จักและยอมรับมากยิ่งขึ้น

อนึ่ง ปัจจุบันนมไทย-เดนมาร์คได้ผ่านมาตรฐานฟาร์มโคนมและการผลิตน้ำนมดิบและมีขบวนการผลิตที่ได้คุณภาพ มาตรฐานปลอดภัยเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว