อ.ส.ค. คว้า 2 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ปี 63 พัฒนาองค์กรดีเด่น – ผู้นำองค์กรดีเด่น

องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) คว้าสองรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2563 ทั้งรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น และรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเป็นประธานในงาน พร้อมทั้งมอบรางวัลและมอบนโยบายให้แก่รัฐวิสาหกิจ

ทั้งนี้ สุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา อ.ส.ค.ภายใต้การกำกับดูแลของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งขับเคลื่อนองค์กรมุ่งมั่นบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลก้าวสู่ยุคใหม่ทันสมัย ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคลให้ได้มาตรฐาน และมีขีดสมรรถนะสูงพร้อมเข้าสู่ยุค 4.0 ภายใต้ยุทธศาสตร์ อ.ส.ค.ระยะ 20 ปี เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็น “องค์กรที่เป็นศูนย์กลางการบริหารอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ” และเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนมระดับอาเซียนส่งผลให้ อ.ส.ค.สามารถคว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “รัฐวิสาหกิจร่วมใจ ไทยปลอดภัยเข้มแข็ง : STAY SAFE AND STORNG TOGETHER” ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)กระทรวงการคลังในปีนี้ ได้ถึง 2 รางวัล คือ รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่นรับมอบโดย นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานคณะกรรมการ อ.ส.ค. และ รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น รับมอบโดย ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้อำนวยการ อ.ส.ค. โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบครั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น 

​ รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น

สุชาติ กล่าวด้วยว่า รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น และรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่นที่ได้รับในปีนี้ถือเป็น 2 รางวัลแห่งประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจของ อ.ส.ค. ที่เกิดจากความมุ่งมั่นพยายามของ อ.ส.ค. และพนักงานทุกคนในการพัฒนาองค์กรและตัวเอง จนได้รับการยอมรับและเชื่อมั่น สำหรับ “รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น” คณะกรรมการ ได้พิจารณาจากแนวโน้มของความยั่งยืนในการพัฒนาองค์กร ในด้านต่างๆ อาทิ แนวทางการบริหารองค์กรรูปแบบใหม่ การพัฒนา Productivity Ratio หรือประสิทธิภาพการผลิต และการเพิ่มผลผลิตและการนำThailand 4.0 มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสม เป็นต้น ส่วนรางวัล “ผู้นำองค์กรดีเด่น” คณะกรรมการพิจารณาจากผลประกอบการตามภารกิจ และผลประกอบการทางการเงิน และการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ที่ทำให้ประสบความสำเร็จหรือที่ทำให้สามารถพัฒนาองค์กรได้ รวมทั้งการให้ความสำคัญ และการดำเนินการด้าน CG, CSR ของผู้นำเพื่อพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน เป็นต้น  

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อ.ส.ค. ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประเภทรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศ 2 ปีซ้อนมาแล้ว คือในปี 2558 และปี 2559 จากการเดินหน้าพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่องทำให้ปีที่ 2560 ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านพัฒนาองค์กรดีเด่นในภาพรวม และปี2561ได้รับ 2 รางวัลคือรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และรางวัลความร่วมมือเพื่อการพัฒนาดีเด่น ด้านการยกระดับการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นความร่วมมือในโครงการพี่เลี้ยงระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และ อ.ส.ค.ส่วนปี 2562 คว้ารางวัล ประเภท พัฒนาองค์กรดีเด่นด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

สุชาติ กล่าวต่อว่า 2 รางวัล ประจำปี 2563 ที่ทาง อ.ส.ค.ได้รับ ดังกล่าวถือเป็นความภาคภูมิใจของพนักงาน อ.ส.ค.เป็นอย่างมาก และถือเป็นขวัญกำลังใจสำคัญในการที่ อ.ส.ค. จะเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาองค์กรให้แข่งแกร่งทางด้านธุรกิจ ควบคู่กับการพัฒนาส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมการพัฒนาอุตสาหกรรมนมไทยให้เป็นที่ยอมรับ เป็นอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนคู่สังคมไทย โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในการส่งเสริมและสืบสานสืบสานโคนมอาชีพพระราชปณิธานให้คงอยู่กับคนไทยตลอดกาล รวมทั้งสร้างแบรนด์ นมไทย-เดนมาร์ค ให้เป็นที่ยอมรับครองใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง (HPO) ด้วยหลักธรรมาภิบาลตลอดไป  

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกในปี 2563 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทุกประเภทรวมทั้งอุตสาหกรรมนมอย่างมาก  แต่ อ.ส.ค. ก็สามารถฝ่าวิกฤตินำพาองค์กรและผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ครอดพ้นวิกฤติมาได้ โดยการปรับแผนส่งเสริมการขายและการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เศรษฐกิจ และสถานการณ์การแข่งขันมากขึ้น เช่น หันมาขายผ่านระบบ E-commerce หรือตลาดออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยไป เพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดและขยายอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งในและต่างประเทศในอนาคต”

ปัจจุบัน อ.ส.ค. เป็นผู้นำกลุ่มเจเนอรัล มิลค์ โดยครองสัดส่วนทางการตลาดอยู่ประมาณร้อยละ 49 ดังนั้น อ.ส.ค. จึงต้องเร่งปรับแผนกลยุทธ์เพื่อขยายตลาด และเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ตลอดจนศึกษาและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจและบริโภคนมกันมากขึ้น รวมทั้งวางเป้าหมายทำรายได้ให้เข้าเป้าตามแผนรัฐวิสาหกิจ ระยะ 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2564 ที่กำหนดยอดขายไว้ที่ 12,000 ล้านบาท อีกทั้ง เร่งขับเคลื่อนแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คก้าวสู่ นมแห่งชาติในปี 2565 (Being ‘National Milk by 2022) รวมทั้งเพื่อตอกย้ำการเป็น “Value  Proposition” อันแข็งแกร่งของแบรนด์ไทย-เดนมาร์ค นั่นคือ ผลิตจากนมโคสดแท้ 100%


ส่วนหนึ่งของทีมงาน อ.ส.ค.

ที่ร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จและรับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 6 ปีซ้อน


อนึ่ง อ.ส.ค.ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นอย่างต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน ประกอบด้วย

  •  ปี 2558            
  • รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศ  
  • ปี 2559             
  • รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศ
  • ปี 2560            
  • รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่นในภาพรวม
  • ปี 2561             
  • รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
  • รางวัลความร่วมมือเพื่อการพัฒนาดีเด่น ด้านการ ยกระดับ การบริหารจัดการ
  • ปี 2562            
  • รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
  • ปี 2563             
  • รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น
  • รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่นซึ่งมอบให้กับดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค.