MIO FOOD & ART ที่สุดของความลงตัว กับร้านอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ กิน ดื่มอย่างมีสไตล์

Ciao Bangkok! เปิดมิติใหม่ของการของการยกระดับอุตสาหกรรมรีเทลเฟอร์นิเจอร์สุดพรีเมียมในกรุงเทพฯ ไปกับร้านอาหารสุดชิคใจกลางทองหล่อ ‘Mio Food & Art’ ร้านอาหารอิตาเลียนที่มีคอนเซ็ปต์เฉพาะตัว ในการผสมผสานไลฟ์สไตล์ของศิลปะการตกแต่งร้านสุดเก๋กับ ลูกเล่นการตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์และงานศิลปะ ที่ชวนให้สนุกสนาน พร้อมชูจุดเด่นด้วยอาหารรสเลิศสไตล์อิตาเลียนดั้งเดิม

Mio Food & Art เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ยืนยันว่า “โลกของอาหารและศิลปะของการตกแต่ง สามารถอยู่รวมกันได้อย่างลงตัว” นับเป็นการนำเสนอร้านอาหารที่ผสมผสานกับรีเทลเฟอร์นิเจอร์ ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมสีสันของไลฟ์สไตล์ ให้กับลูกค้าสายอาร์ตที่ชอบ “ช็อป” และ “แชร์” ด้วยพื้นที่โชว์รูมสองชั้นกับ ที่นั่งรับรองมากกว่า 50 ที่ และ ที่นั่งกลางแจ้งอีก 16 ที่  ทางร้านยังพร้อมให้บริการด้วยความเป็นกันเอง  ชวนให้น่าประทับใจไปไม่รู้ลืม ตื่นตาตื่นใจไปกับอาหารอิตาเลียนดั้งเดิม อย่าง ‘เมนูโคลด์คัท ลา โมลา โรมักโนลา พร้อมเครื่องปรุง’ และ  ‘เมนูบูราต้านำเข้า’   

Mio Food & Art ก่อตั้งขึ้นช่วงปลายปี 2018 โดย มร. อันโตนิโอ มาร์เชลลี ชาวอิตาเลียน ที่ย้ายถิ่นฐานมาพำนักในประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ซึ่งตัวอันโตนิโอเอง ก็ได้เปรียบประเทศไทยว่าเป็นเหมือนบ้านของเขาอีกหลังหนึ่งและเขาได้เนรมิตรบรรยากาศที่โดดเด่นด้วยชิ้นงานศิลปะตกแต่งร้านที่เปี่ยมไปด้วยลูกเล่น มากกว่าหนึ่งร้อยชิ้น

อันโตนิโอ แฟคชิเนติ หัวหน้าเชฟของร้าน  Mio Food & Art ได้ตั้งใจนำเสนอประสบการณ์ทางด้านการปรุงอาหาร ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชฟได้มีความผูกพันกับประเทศในแถบเอเชียเป็นพิเศษ ด้วยผลงานการรับรางวัลแห่งความสำเร็จในระดับสากล จากหลากหลายห้องอาหารและโรงแรมระดับห้าดาวที่เชฟอันโตนิโอเคยผ่านงานมา นี้เป็นอีกจุดสำคัญที่หล่อหลอมความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการปรุงอาหาร และทัศนคติรวมถึงความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้า ที่วันนี้พร้อมสร้างความประทับใจกับบทใหม่ในฐานะหัวหน้าเชฟของร้าน Mio Food & Art

เมนูซิกเนเจอร์ของ Mio Food & Art ที่เชฟอันโตนิโอภูมิใจเสนอ เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง ‘กริลล์ ออคโตปุส, มันฝรั่งม่วง สโมค ปาปริก้า ซัลซ่าเวอร์เด’ ทั้งหมดนี้คัดสรรจากวัตถุดิบสดใหม่ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ อีกทั้งเมนู ‘บูรัตตานำเข้า มาพร้อมกับมะเขือเทศแฟนซี และ แฮมคูลาเทิลโล่’  ‘เมนูโคลด์คัท ลา โมลา โรมักโนลา พร้อมเครื่องปรุง’ หรือ เมนูซุป ‘ซุปครีมเห็ดป่า ทรัฟเฟิลออย’ ที่เรียกได้ว่าไม่ควรพลาด   

ทางร้านยังมีเมนูโคลล์คัทสูตรออร์แกนิค ส่งตรงจากอิตาลี อย่าง Salame Mora in Filzetta, Salame Mora nel Gentile, Prosciutto Cotto, Mortadella, Spalla Crudo, Coppa, Prosciutto Crudo la Mora และ  Culatello di Zibello d.o.p  ตบท้ายมื้ออาหารสุดคลาสสิคด้วยของหวาน อย่าง เค้กแอปเปิ้ลอบแบบสดใหม่ ครีมคาราเมล และทิรามิสุ อันเป็นที่ชื่นชอบของแฟนพันธุ์แท้อาหารอิตาเลียน

ในขณะที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับไฟตกแต่งหรือชิ้นงานศิลปะตกแต่งร้านสุดครีเอทในบริเวณชั้น 2 นั้น อาหารก็พร้อมเสิร์ฟ เพื่อสร้างความอิ่มเอมในแบบฉบับที่คุณสามารถเลือกได้เอง เช่น พาสต้า ที่ทางร้านมีสูตรแบบต้นตำรับให้เลือกไปจนถึงสูตรร่วมสมัย อาทิ เมนูพาสต้าเทสทาโรรี่ (Testaroli) พาสต้าโบราณที่มีต้นกำเนิดจากอารยธรรมอีทรัสคัน หรือพาสต้าชนิดแรกที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก

อีกหนึ่งความพิเศษของร้าน Mio Food & Art คือการนำเสนอวัตถุดิบที่ช่วยสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น โดยทางร้านได้จับมือกับฟาร์มปศุสัตว์ในภาคอีสานของประเทศไทย โดยหุ้นส่วนของฟาร์มในพื้นที่ภาคอีสานนี้เป็นผู้บุกเบิกการผสมเทียม และ สร้างสายพันธุ์พิเศษสำหรับเนื้อ ‘แบล็คแองกัส’ และ ‘ชาร์โรเล่สบีฟสเตียร’ ที่ผ่านกรรมวิธีการผสมเทียมลูกโคด้วยคุณภาพสูง ที่เติบโตอย่างอิสระท่ามกลางธรรมชาติ โดยฟาร์มแห่งนี้จะทำการคัดเลือกลูกโคที่ดีโดยสัตว์แพทย์เฉพาะทางผู้ความเชี่ยวชาญ จากนั้นจะนำลูกโคไปเลี้ยงในบริเวณเฉพาะด้วยอาหารธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหาร อาทิ มันสำปะหลัง ผลไม้ และ กากน้ำอ้อย เป็นเวลาอย่างน้อย 15 เดือน ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาที่ลูกโคจะถูกนำไปบริโภค  จะถูกทำการแขวนไว้กับราวเป็นเวลาประมาณ 20 วัน ตามแบบฉบับอิตาลีต้นตำรับ ทั้งนี้การเก็บรักษาของเนื้อลูกโคดังกล่าวจะต้องควบคุมอุณหภูมิความชื้นอย่างต่อเนื่อง กระบวนการเหล่านี้ช่วยให้เนื้อแบล็คแองกัสจากภาคอีสานของ Mio Food & Art มีเทคเจอร์ที่นุ่มและฉ่ำเป็นพิเศษ

“ผู้ที่สนใจในงานศิลปะอาจจะไม่ทราบว่านอกเหนือจาก Mio Food & Art จะเป็นร้านอาหารแล้ว ยังถือเป็นพื้นที่เปิดสำหรับผู้ที่สนใจสะสมงานศิลปะ เฟอร์นิเจอร์ที่เปี่ยมด้วยดีไซน์ มีให้เลือกทั้งเก้าอี้ โต๊ะ และ โคมไฟ ที่ล้วนถูกออกแบบอย่างโก้เก๋ ง่ายต่อการเลือกซื้อ ทางร้าน ยังยินดีต้อนรับลูกค้าทั้งที่เป็นนักชิมอาหาร ผู้ที่หลงใหลในงานศิลปะ หรือแม้กระทั้งชาวโซเชียลที่นิยมการ ‘ช็อป’ ‘ชิม’ และ ‘แชร์‘ สถานที่ใหม่ๆ บนโลกออนไลน์ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาเยี่ยมเยือนร้านของเรา” อันโตนิโอ มาร์เชลลี กล่าว

สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ 02-258-5516